วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ไปเที่ยวกระบี่ -3-



 -- DAY 3 -- สุสานหอย 45 ล้านปี อนุสาวรีย์ปูดำ เขาขนาบน้ำ วัดถ้ำเสือ  --

วันสุดท้ายแล้วเก็บตกในเมืองก่อนจะไปขึ้นเครื่องในตอนบ่าย 3 ค่ะ อาหารเช้าของวันนี้ก็ที่โรงแรมเช่นเคย เสร็จเรียบร้อยเช็คเอ๊าท์ออกมาเลย ยอมทิ้งคูปองข้าวฟรีมื้อกลางวันของโรงแรมไปเพราะก็คงไม่ไก้อร่อยอะไรมากมายอยู่ดี แถมเสียเวลาไปเปล่าๆ เพราะต้องย้อนไปย้อนมา

ที่แรกที่มุ่งหน้าไปเพราะใกล้ที่สุดก็คือ สุสานหอย 45 ปีค่ะ ที่นี่แมวเยอะมากกกกกก เป็นสวนหย่อมเดินเล่นได้ นั่งมองทะเลได้ ตอนไปถึงเค้าไม่เก็บเงินเพราะเป็นช่วงน้ำขึ้น มองไม่เห็นสุสานหอยค่ะ แฟร์ๆดีนะ
ขวามือที่อยู่ในน้ำคือจุดหมายของเรา

เห็นแค่นี้ที่เหลือจม ว่าแต่เอาเหรียญไปวางกันทำไมหว่า


ทางขึ้นมีร้านค้าเยอะเลย ซื้อของฝากได้ โปสการ์ดก็มี

ตุ๊กตาหอยประดิษฐ์นี้หน้าตาคุ้นเคยมาก ตั้งแต่เด็กๆเลย ดีไซน์ไม่เปลี่ยนซักนิด
ไปต่อกันที่อนุสาวรีย์ปูดำซึ่งอยู่ใกล้กับ 0 กม.ของกระบี่ค่ะ จากอนุสาวรีย์ปูดำมองทะลุไปจะเห็นเขาขนาบน้ำพอดี


ถ่ายเสร็จวิ่งขึ้นรถเลยค่ะ ตัวแทบไหม้ ร้อนโฮก
ต่อด้วยวัดถ้ำเสือ ที่เที่ยวที่สุดท้ายแล้วววววว ไม่ได้ขึ้นไปบนเขาค่ะ กลัวไม่ทันเวลา (ที่จริงคือขี้เกียจค่ะ ไม่ทนร้อนไม่ทนเหนื่อย)




เจ้าเสือตัวน้อยในวัดถ้ำเสือ น่ารักจริงๆ



เที่ยวเสร็จก็หาข้าวเที่ยงกินก่อนขึ้นเครื่องค่ะ งานยากอีกแล้ว ไม่อยากเจอแพงและไม่อร่อยแบบวันแรกแล้วค่ะ ขอร้านแบบถูกๆจานเดียวก็พอ เสิร์ชไปเจอที่นี่ค่ะ สถานีกระบี่ ตกแต่งร้านแบบโมเดิร์นเก๋ๆให้ถ่ายรูปกัน หน้าตาอาหารดูดีและอร่อย ปลื้มเลย แนะนำเป็นขนมปังหน้าหมูค่ะ อร่อยจริงๆ ที่นี่มีเอเจนท์ทัวร์กับที่พักด้วยค่ะ ไม่รู้ถูกหรือแพงเพราะไม่ได้ใช้บริการเค้า


อร่อยทุกอย่างราคาเบาๆค่ะ รสชาติออกหวานนะ 
หนังท้องตึงก็มุ่งหน้าไปที่สนามบินกระบี่ได้พอดีค่ะ  โทรแจ้ง ThaiRentaCar แล้วเค้าบอกให้มาคืนที่อาคาร 2 เพราะเราขึ้นAirasia มาจอดหน้าอาคารปุ๊บ พนง.ก็มาตรวจรับรถเลย พอคืนรถเรียบร้อย เข้าไปที่อาคาร จนท.บอกให้เราไปที่อาคาร 1 เพราะไม่โหลดกระเป๋า ก็เดินกลับทางลาดทางเดิมไป นั่งชิลๆรอเพื่อขึ้นเครื่องประตูเดียวกับขามาเลย จบทริปได้อย่างปลอดภัย ^^


ไม่มีภาพนี้เดี๋ยวจะหาว่านั่งรถทัวร์ไป เอาซะหน่อย

ถึงดอนเมืองฝนตกพอดี เป็นโชคดีที่เที่ยวหน้ามรสุมได้โดยที่ไม่เจอฝนตอนเที่ยว

ไปเที่ยวกระบี่ -2-




-- DAY 2 --1 Day Trip 4 เกาะ --


้่วันนี้ตื่นแต่เช้ามากินอาหารเช้าของโรงแรมแล้วไปนั่งรอรถพาไปขึ้นเรือเที่ยว 1 Day trip ระหว่างที่นั่งรอมีแม่ค้ามาขายหมวก กับขนมปังปลาราคามหาโหดมากๆ ตอนนั้นคิดแค่ว่าจะซื้อหนมปังมาล่อให้ปลามารวมตัวถ่ายรูปก็เลยซื้อมา พอมาดูบนรถปรากฏว่าหนมปังหมดอายุ ขึ้นราเลย คือเค้าเอาหนมปังเหลือๆจากร้านมาขายทิ้งนั่นเอง ก็ดีแล้วที่มันขึ้นรา เลยเตือนสติเราว่า ไม่ควรเอาหนมปังไปให้ปลาเพราะจะทำให้ระบบนิเวศเสียซะเปล่าๆ
ห้องอาหารของมันดาวี

มานั่งรอตรงนี้ทุกกรุ๊ป มีป้ายแนะนำสถานที่ การปฎิบัติตัวแปะไว้อยู่

ขนมปังขึ้นรา ราคาแพงที่ซื้อมา เห็นจุดเขียวๆมั้ยเอ่ย
สถานที่ขึ้นเรือคือหาดตรงครัวธาราที่เราไปกินข้าวเมื่อวาน ใกล้มากๆเลย รถที่จะได้นั่งไปแล้วแต่ว่าจะสไตล์ไหน มีทั้งเล็กใหญ่ พอไปถึงริมหาดจะมีบริษัททัวร์มารับเราไปอีกต่อหนึ่งรวมกับหลายๆโรงแรม แขกของโรงแรมหรูๆก็ไปเรือลำเดียวกันก็มี ไม่รู้ว่าโดนหลอกหรือซื้อทัวร์ถูกเอง คือมีคู่สามี-ภรรยาญี่ปุ่นมาเรือลำเดียวกับเราด้วย แล้วไกด์ไม่ได้ดูแลหรืออธิบายอะไรเลย เพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง น่าสงสารมาก
รถรูปแบบนึงที่เห็นได้ทั่วไป

ทั้งหมดนี้จะออกไปทัวร์กัน
สถานที่แรกที่จะไปคือ หาดไร่เลย์ค่ะ ไปถึงจอดด้านหน้ารีสอร์ทแห่งหนึ่งแล้วก็เลาะข้างรีสอร์ทไปด้านหลังเลย ระหว่างทางจะเป็นผาหินย้อย ไปถึงด้านหลังเป็นหาดทราย น้ำแรงมากกกกกกก แล้วก็มีศาลให้ไหว้กัน หรือใครจะปีนผาก็ได้ เราอยู่ตรงนี้ประมาณครึ่งชม.กว่าๆก็ออกมา เพราะไกด์บอกว่า ไม่มีใครเล่นน้ำเลย ไปต่อตรงอื่นดีกว่า เผื่อไปอยู่ตรงอื่นนานๆ คือ....คุณไกด์คะ คลื่นแรงม๊ากกกกกก ไม่รู้จะเล่นยังไง แถมคุณไม่บอกนี่คะว่าจะอยู่นานแค่ไหน ใครจะรู้ว่าเล่นน้ำได้เลยรึเปล่า แหม่
มือบอนกันไม่จำกัดชาติสินะคะ ถ่ายรูปก็พอมั้ย อยากขีดเขียนเชิญที่กำแพงบ้านของท่านเองเถอะค่ะ

คลื่นแรงๆคนเยอะแยะ

ผานี้งามมาก

สิ่งสักการะที่นี่โดดเด่นจริงๆเลย

หาดยาวนะ ทางขวาจะติดกับรีสอร์ท คนที่พักที่รีสอร์ทนี้คงเล่นน้ำเพลินๆ

ลำนี้เลยที่นั่งมา
ออกจากไร่เลย์ก็ไปต่อกันที่ปอดะ ที่นี่มีหาดยาวเล่นได้ทั้ง 2 ฝั่งหรืออยากจะนั่งเล่นก็มีร้านขายส้มตำและของกินเล่นเล็กๆให้กิน ร้านอาหารแบบจริงจังเลยก็มี อยู่ด้านขวาของเกาะ ไปอาศัยล้างตัวจากการเล่นน้ำได้ คลื่นลมเกาะนี้ยังแรงเหมือนเดิม ทำได้แค่เล่นริมๆกลัวคลื่นจะซัดตัวเองจมหายไป



ฝักละ 40 บาท ด้านนึงไหม้ด้านนึงดิบ แต่ทั้งหมดนี่เค็มสุดยอดไปเลย เห็นเกลือในมือนั่นไหม...
เดินทางต่อเลยยย....เกาะไก่สถานที่ดำน้ำ แต่ไกด์ให้เรามองห่างๆแค่นั้น


ในที่สุดก็มาถึงที่สุดท้ายของทริปนี้นั่นก็คือ ทะเลแหวก ลุ้นมากว่าจะแหวกมั้ย เพราะไม่ได้เช็ควันเลย ที่นี่เค้าหย่อนให้มานั่งกินข้าวกันก่อน แล้วใครอยากเดินไปทางทะเลแหวกก็ไป ใครอยากดำน้ำเค้าให้ออกไปหากับเค้าที่เรือ แล้วกลับมาเจอกันที่เดิม แต่พอเห็นว่าไม่มีใครสนใจดำน้ำ ไกด์เลยบอกให้ไปเจอกันทางสุดทะเลแหวกแทน เพราะน้ำค่อนข้างลงเยอะ เอาเรือเข้ามาลำบาก (ลำบากตั้งแต่ตอนจะจอดให้มากินข้าวกันแล้ว แต่น้ำลงอีกตอนหลังเอาเรือเข้าไม่ได้เลย) ซึ่งทั้งหมดนี่เพิ่งมาเปลี่ยนแผมเอาตอนหลัง รู้อยู่ไม่กี่คนให้บอกต่อๆกันไป (แล้วใครจะบอกคนญี่ปุ่นหละคุณไกด์ - -*)

สุดท้ายเราก็ต้องเป็นคนบอกด้วยภาษาญี่ปุ่นผสมอังกฤษ เพราะทางนู้นพูดผสมมา แถมเราก็กลัวพูดผิดนะคะ เรียนเมื่อนานมากแล้ว แถมไม่ไ้ด้ใช้นานแล้วด้วย ....แต่ว่า...สุดท้ายก็มีคนตกเรือจนได้ คู่รักวัยรุ่นที่ไม่สนใจใครในทัวร์เลย คือไม่ได้หวังว่าแค่ลงเรือมาด้วยกันจะต้องทำความรู้จักพูดคุยกันนะ(เพราะเราก็ไม่ทำ) แต่สนใจกันหน่อยมั้ย เค้าเดินไปทางไหนกัน เค้าขึ้นเรือกันแล้วรึเปล่า นี่ไม่สนเลย เดินตาแป๋วไปรอที่เดิม ไปนั่งกันอยู่แค่ 2 คนก็ไม่สงสัย ไม่เดินไปหาคนอื่นอีก พอคนขึ้นเรือกันหมดแล้ว ก็แล่นไปหาเค้าตรงจุดเดิม แต่เข้าไม่ได้แล้วค่ะ น้ำลงมาก ต้องตะโกนบอกให้เดินไปตรงด้านปลายที่ทุกคนและทุกทัวร์ขึ้นเรือ แล้วก็แล่นกลับไปรอกัน โชคดีที่เรือลำนี้รอ ลำอื่นได้ยินว่าเค้าไม่รอก็มีนะ 
ข้าวมื้อนี้ ขนมาง่ายๆกินกันง่ายๆ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

อุ๊ย สันทราย แหวกสินะๆ^^


ไปขึ้นเรือกันที่เกาะทางขวาเลยค่ะ




น้ำลงได้สุดยอดมาก ไกด์บอกว่าตอนขึ้นนี่เหลือแค่ที่มีต้นไม้เท่านั้นเองที่โผล่พ้นน้ำ

กินผลไม้รอคนครบแล้วก็บึ่งเรือกลับหาด



เมื่อกลับมาถึงหาดเดินเมื่อตอนเช้าแล้ว จะมีคนมาตั้งโต๊ะขายรูปเราที่ปริ๊นใส่จานไว้ค่ะ แต่แหม รูปแอบถ่าย คงดูดีพิลึกเนอะ อันนี้เราขอข้ามไปเลยค่ะ เดินมาดูที่หาดดีกว่า หาดที่เมื่อวานมาดูไม่แปลกตาอะไร มาวันนี้น้ำลง เปลือกหอยเยอะมากเลย แถมยังเดินไปอีกเกาะได้ด้วย แหม มีทะเลแหวกใกล้ขนาดนี้ไม่ยักรู้ (ระวังตกรถด้วยนะคะ จะมีรถรอส่งกลับโรงแรมอยู่ เรากลับเข้าไปแล้วออกมาอีกทีนึงด้วยรถเช่าของตัวเองค่ะ)
กองแดงๆทั้งหมดคือเปลือกหอยค่ะ ส่วนริมบนของภาพเห็นเกาะเล็กๆตอนน้ำขึ้นเดินไปไม่ได้ แต่ตอนนี้เดินไปได้แล้ว
สุดยอดดดดด~
หอยแบบนี้ตอนเด็กๆชอบมาก มันหลากหลายดีทั้งสีทั้งลาย แต่ก่อนแถวหัวหิน ชะอำก็มีกองหอยแบบนี้เยอะแยะ ตอนนี้แทบไม่มีให้เห็นเลย ถ่ายๆแล้ววางไว้ที่เดิมนะคะ ^^


จบวันของตอนเย็นกินบุฟเฟห์ที่โรงแรมค่ะ ไม่ได้หรูหราอะไร ของทะเลต้องซื้อเพิ่มต่างหาก อิ่มแล้วก็ขึ้นห้องไปนอน เพราะไม่รู้จะไปเที่ยวไหนต่อดี

ไปเที่ยวกระบี่ -1-
ไปเที่ยวกระบี่ -3-

ไปเที่ยวกระบี่ -1-

การไปเที่ยวกระบี่หนนี้เกิดจากการแพ้วิธีขายของมันดาวี รีสอร์ท แอนด์ สปา ที่มาจัดบู๊ทในงานท่องเที่ยว เนื่องจากหนนั้นไปหาที่พักในภูเก็ต แต่ดันเดินผ่านบู๊ทนี้ แล้วเค้าบอกว่า "ถูกสุดๆ จ้างคนมาเที่ยว เนื่องจากเปิดรีสอร์ทใหม่" เราก็ยังไม่เคยไปเที่ยวเอง ก็เลยคิดว่ามันถูกจริงๆมั้ง คนละ 1,999 บาท รวมที่พัก 2 คืน อาหารเช้า 2 มื้อ ค็อกเทล 1 แก้ว เที่ยว 4 เกาะ (1 day trip) พร้อมอาหารตลอดวันเที่ยว และรถรับ-ส่งสนามบิน ก็เลยตกลงซื้อไป 2 คน เพราะยังไม่รู้ว่าถ้าเที่ยวเอง จะเช่ารถยังไง เดินทางในเมืองยังไง แล้วหลังจากซื้อที่นี่ไว้ก็ไปหาตั๋วบินฟรีของ Airasia อีกทีนึง แต่บล็อคนี้ขอเขียนถึงเฉพาะที่เที่ยวก่อนส่วนเรื่องที่พักแห่งนี้จะมารีวิวอีกครั้งนึงนะ ^^

***คำเตือน : เป็นทริปที่มั่วซั่วมาก เพราะช่วงก่อนเดินทางค่อนข้างยุ่งจนไม่มีเวลาหาข้อมูลการท่องเที่ยวใดๆ ไม่ควรยึดเอาไปเป็นแบบอย่างในการเที่ยวอย่างยิ่ง!!!***

-- DAY 1 --น้ำตกร้อน - สระน้ำผุด - สระมรกต
20 มิ.ย. 2556 เริ่มเดินทางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเลย จองเที่ยวบินเช้าเพื่อให้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ
6.30น. ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองโดยเที่ยวบิน FD 3227 ของ Airasia
7.40น. ถึงสนามบินกระบี่อาคาร 2 เราโชคดีที่ได้รถเช่าราคาถูกมาก เพียง 199 บาทต่อวัน จากโปรโมชั่นของ http://www.thairentacar.com/ ที่ได้ข้อมูลมากจาก Ar-pae.com ช่วงก่อนเดินทางไม่นาน พอมาถึงสนามบินเลยเดินมุ่งหน้าสู่อาคาร 1 เพื่อไปรับรถทันที
ทางลาดเพื่อไปอาคาร 1 


เจอแล้วววว อยู่ชั้น 1 กำvoucher แล้วมุ่งตรงไปยื่นเลย

ได้มิราจ Eco car สีแดงเด่นคันนี้มา ตรวจรอบรถพร้อมพนง. จดตำหนิในเอกสาร
และแนะนำให้ถ่ายรูปรอบรถเก็บไว้กันซวยนะคะ
ออกเดินทางได้!!! เป้าหมายแรกมุ่งหน้าหาร้านอาหารกันก่อนเลย หิวไวเพราะตื่นไว ที่ดอนเมืองก็กินข้าวกล่องมาแล้วแหละ แต่ว่า....หิวอีกแล้ววววว ในเมื่อไม่มีข้อมูลใดๆก็มุ่งตรงเข้าเมืองไปก่อนเลย สถานที่เที่ยวค่อยว่ากัน เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง
เจอป้ายต้อนรับแล้ว มาถูกทางสินะ

ร้านแป๊ะยิ้ม
ผ่านมาเจอร้านแป๊ะยิ้มที่ข้างทาง มีทั้งติ่มซำ โจ๊ก หมี่ อร่อยทุกอย่างโดยเฉพาะน้ำชาร้อนฟรีหอมๆ มื้อนี้เพียง 160 บาท
9.13 น. อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าสู่ น้ำตกร้อน โดยงมทางจากMap ในมือถือ
10.22น. ถึงน้ำตกร้อน เสียค่าเข้าคนละ 20 บาท และค่าจอดรถคันละ 20 บาท จะมีทางเดินศึกษาธรรมชาติให้เดินเพลินๆ เมื่อเข้าไปถึงก็เจอที่นั่งพักผ่อนและน้ำตกร้อนเล็กๆ โชคดีที่มาวันธรรมดา คนไม่เยอะมากนัก คิดภาพไม่ออกเลยว่าถ้ามาพร้อมทัวร์ลงนี่จะเที่ยวที่นี่ยังไง หย่อนขากันคนละข้างหรือยังไง ถ้าใครมีเวลาจะลงแช่ก็ได้อุ่นๆสบายดี แต่เราจะต้องเดินทางไปที่อื่นต่ออีก เพราะงั้นแช่เท้าก็พอ^^ ทางออกเดินออกอีกทางได้ ออกไปนิดเดียวก็เจอถนนแล้ว
เจอแล้วทางเข้า

ทางเดินศึกษาธรรมชาติร่มรื่นเดินสบาย

บ่อแช่ตัวตามธรรมชาติ

นี่หละน้ำตกร้อน

บัตรเข้าสถานที่ค่า 


บ่อแช่ด้านนอก ถ้านักท่องเที่ยวเยอะคงต้องมาจ่อมตรงนี้กันแทน(เห็นรูปคนนั่งแช่ในป้ายสถานที่)
แต่เ้ข้าใจว่าน่าจะสร้างเมื่อนานมาแล้ว
และไม่ได้มีการบำรุงรักษา สภาพไม่น่าลงแล้ว

11.39น. เดินทางถึงบริเวณสระมรกต ค่าที่จอดรถ 30 บาท ค่าเข้าอีกคนละ 20 บาท ตรงนี้มีที่จอดของหลายเจ้าเลย ไม่แน่ใจว่าตรงไหนจอดฟรีรึเปล่านะคะ ขับเข้าไปในๆก่อนก็ได้ ไม่ต้องรีบจอดมาก เดี๋ยวต้องเดินไกล พอจอดเสร็จเดินไปเรื่อยๆๆๆ ก็จะเจอสระมรกต เดินเลี้ยวขวาไปเป็นสระแก้วใกล้ๆ หรือถ้าเดินไหว เดินไปทางซ้ายจะเป็นสระน้ำผุดค่ะ เราเดินไปถึงสระน้ำผุด 13.05 นู่น เดินไปถ่ายรูปไป สภาพแวดล้อมแปลก แตกต่างกันเป็นช่วงๆสวยดีแต่ก็นะ....กว่าจะถึง เหนื่อยค่ะเหนื่อย
บัตรเข้าสระมรกต

ทางเดินไปสระน้ำผุด


ถึงแล้วสระน้ำผุด สีสวยมากๆ



เดินย้อนกลับมาสระมรกต ตอนขาไปคนยังไม่เยอะ พอกลับมาคนบานเลย


สระแก้ว ไม่สวยเอาซะเลย


ที่นี่ลงเล่นน้ำได้ น้ำเย็นสบายๆ พื้นของสระมรกตจะเป็นทรายปนหิน มีปลาว่ายด้วย ความลึกน่าจะอยู่ประมาณ 1 เมตร 40 คือเกือบมิดหัวเราเหมือนกัน ต้องเขย่งๆ แต่ละจุดลึกไม่เท่ากัน ไปเจอจุดนึงทรายค่อนข้างละเอียด เอาเท้าตะกรุยทรายเบาๆจะมีฟองน้ำปุดขึ้นมาเยอะเลย พวกปลาก็จะว่ายมารอฟองน้ำ เพลินดี :D ที่นี่มีห้องน้ำให้เปลี่ยนชุดได้ แต่สภาพไม่ค่อยโอเคเลย จะมีห้องน้ำอยู่ 2 หลัง ติดๆกัน หลังนึงเก่ามาก บางห้องถอนตัวโถส้วมไปแล้ว บางห้องยัง เหม็นมากๆ อีกหลังซึ่งอยู่ขวามือจะดีกว่า

หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปที่พักเลยค่ะ กลัวหลง ออกไวหน่อยอยู่กันคนละทิศเลยอีกต่างหาก และก็หลงจริงๆหลงตรงซอยเข้าที่พักนี่หละ ป้ายไม่บ่งบอกเลยจริงๆ เช็คอินเสร็จก็ออกมาหาอาหารเย็นที่ริมหาด ร้านชื่อ "ครัวธารา" ร้านค่อนข้างมีชื่อ ด้านในตกแต่งเหมือนร้านสำหรับต่างชาติค่ะ ราคาก็ต่างชาติ ส่วนรสชาติเอาจริงๆคือไม่ถูกปากเลย และรู้สึกไม่คุ้มเลย พอตกค่ำหน่อยก็ออกมากินโรตีที่ห้างโว้คค่ะ กว่าจะหาห้างเจอยากมาก คือขับตามGPS แต่เสิร์จละไปคนละทางเลย รสชาติโรตี งั้นๆค่ะ รสชาติน้ำ งั้นๆเช่นกัน ลองเสิร์ขรีวิวดูแล้ว จังหวดนี้แทบไม่มีอะไรให้ตามไปกินเลย พอตามไปที่ๆคนพูดถึงเยอะที่สุด ก็ยังงั้นๆ ใครมีข้อมูลการกินที่กระบี่ รบกวนแนะนำทีค่ะ T_T
ร้านครัวธารา พนง.เยอะแต่ไม่มีคนสนใจเราเลย เศร้า

หาดยามเย็น

เข้าเมืองมากินโรตี
จบ DAY 1 ไปดื้อๆแบบนี้แหละค่ะ 555+ ติดตามต่อ DAY 2 นะ

ไปเที่ยวกระบี่ -2-
ไปเที่ยวกระบี่ -3-