เดชนางพญาผมขาว หนังรักซึ้งๆ ที่จะทำให้เราฟินไปกับความสวยของนางเอก |
เรื่องย่อ The White Haired Witch of Lunar Kingdom เดชนางพญาผมขาว ในสมัยราชวงศ์หมิงเกิดการฉ้อฉลทั่วทั้งแผ่นดิน โจรสาว “อสุรีหยก”จึงต่อสู้กับทหารที่กดขี่ชาวบ้าน เลยถูกทางการใส่ความว่าเป็นผู้ฆ่าผู้ว่าการรัฐจัวจงเลี่ยน ในขณะเดียวกันรองเจ้าสำนักบู๊ตึ๊งตั้งใจให้ จัวอี้หัง เป็นเจ้าสำนักคนต่อไป จึงส่งอี้หังไปวังหลวงเพื่อถวายยาลูกกลอนสีแดงเป็นบรรณาการแด่ฮ่องเต้ แต่พระองค์กลับสิ้นใจหลังจากเสวยยาลูกกลอนสีแดงนี้เข้าไป ทำให้อี้หังถูกทหารตามล่า อี้หังหนีไปชายแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือจนได้พบกับ อสุรีหยก เมื่อนางเห็นว่าเขาถูกปรักปรำเหมือนตัวเอง จึงพาอี้หังกลับไปที่หมู่บ้านแสงจันทร์ที่ถูกเรียกขานว่า “ถ้ำปีศาจ” ทั้งคู่ตกหลุมรักกันและตัดสินใจแต่งงานกันในที่สุด แต่แล้วทหารราชสำนักก็บุกเข้ามาในหมู่บ้านแสงจันทร์และจับอี้หังกลับไป อี้หังทราบเรื่องจากทหารว่าอสุรีหยกเป็นคนฆ่าผู้ว่าการรัฐจัวจงเลี่ยนซึ่งเป็นปู่ของเขา หัวใจเขาจึงแตกสลาย ส่วนเจ้าสำนักบู๊ตึงตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อรักษาเกียรติ หลังจากนั้นอี้หังได้ออกจากสำนักและตัดสินใจแต่งงานกับหญิงอื่นด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อทราบข่าว อสุรีหยกถึงกับใจสลาย เธอบุกเข้าไปในงานแต่งงานและแทงอี้หังเข้าที่หัวใจ ความเจ็บปวดครั้งนั้นทำให้ผมของเธอกลับกลายเป็นสีขาวโพลนทั้งหมดเพียงแค่ข้ามคืน
นางพญาผมขาวเวอร์ชั่นนี้เน้นเรื่องความรักระหว่างอสุรีหยกและจัวอี้หังนะคะ ส่วนเรื่องการเมืองสงครามนี่รองลงมา พร้อมกับแทรกดราม่าเล็กๆหลายๆอย่าง ทั้งส่วนที่น่ารักและน่าสงสาร ด้วยเวลาที่จำกัดและเนื้อเรื่องที่ไปเน้นความรัก เรื่องราวส่วนอื่นเลยจะรวบรัดจนงงๆไปบ้างสำหรับคนไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน เพราะแค่จำชื่อตัวละครก็ไม่ทันแล้ว แต่ดูไปเรื่อยๆก็เข้าใจค่ะไม่ต้องกังวลอะไร แต่บางจุดก็รวบรัดแบบตลกมากกกกกก
ด้านความรักของคู่นี้ก็มีจุดหักเหให้ได้ลุ้นเยอะเหลือเกิน ดูแล้วก็ซึ้ง เพลินด้วยเพราะหน้าตาดีทั้งคู่โดเฉพาะฟ่านปิงปิง ที่ถึงแม้จะขอบตาดำไปหน่อยในฉากแรกแต่ก็ยังงาม ตอนเป็นนางพญาผมขาวเต็มตัวยิ่งน่ารักไปกันใหญ่เพราะแต้มปากสีชมพูเพิ่มมา
เทียบดู 3 สไตล์ |
จากอสุรีหยก สู่ นางพญาผมขาว |
การแสดงก็ไม่มีอะไรน่าห่วงค่ะ ดาราก็คุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น เล่นกันเนียนเลย โดนทีมพันธมิตรพากย์เพิ่มมุกไปตามปกติ หนังทำออกมาแบบหนังจีนสมัยก่อนดี ไม่ได้ดูอินเตอร์เกินไป (เอ๊ะ เข้าใจที่อยากสื่อกันมั้ยนะเนี่ย คือไม่ได้ไปเน้นภาพสโลโมชั่น สีอาร์ท จัดองค์ประกอบศิลป์กันอย่างหนักหน่วงค่ะ)
ที่แย่ที่สุดของหนังคือตอนเปิดเรื่องกับตอนจบค่ะ เป็นภาพกราฟฟิคที่ไม่รู้จะทำไปทำไม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น