วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวืวหนัง : Lone Survivor ปฎิบัติการพิฆาตสมรภูมิเดือด

รีวืวหนัง : Lone Survivor ปฎิบัติการพิฆาตสมรภูมิเดือด

เป็นหนังเรื่องแรกเลยที่เรากับแฟนความเห็นไม่ตรงกัน เพราะแฟนชอบ แต่เราไม่ อาจจะเพราะเราไม่ชอบอเมริกาหรือสงคราม คือรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องโง่ๆ เลยไม่ค่อยอิน

เรื่องสร้างองจากเรื่องจริงของปฎิบัติการ Red wings และสร้างจากหนังสือชื่อเดียวกัน ซึ่งเขียนโดย Macus Ruttrell ซีลเพียง 1 เดียวที่รอดมาจากปฏิบัติการครั้งนี้ได้ ตามชื่อเรื่อง Lone survivor เป๊ะๆ (เรื่องนี้สปอยตั้งแต่ชื่อเรื่องยันเรื่องย่อตั้งแต่แรกเลย) โดยเรื่องกล่าวถึงปฏิบัติการช่วงที่ซีลหน่วยนี้ไปสำรวจพื้นที่ ดูลาดเลา ยืนยันเป้าหมายโจมตี ซึ่งคือ Ahmad Shah ผู้นำระดับสูงในกลุ่มตาลีบัน แต่ปฏิบัติการนี้กลับต้องมาเจอเหตุให้เรื่องพลิกผันจากผู้ล่าเป็นผู้ถูกล่า เพียงเพราะคนเลี้ยงแพะมาเจอ และทีมตัดสินใจปล่อยไป...

สิ่งที่ชอบ
- หนังสร้างได้สมจริงมาก ตั้งแต่การฝึกหน่วยซีล ตรงนี้สมจริงสุดละ 
- นักแสดง แสดงดี
- คำร่ายของมาร์คัสตอนต้นเรื่อง แต่งมาเพราะดี (ภาษาอังกฤษนะ)
- ช่วงหลังของหนังตั้งแต่ที่มาร์คัสเหลือคนเดียว เริ่มมีอะไรมากขึ้นกว่าการยิงสนั่นกับการตัดสินใจโง่ๆ

สิ่งที่ไม่ชอบ
- มีการตัดสินใจโง่ๆเต็มไปหมด (เรื่องจริงอาจจะตัดสินใจได้ดีกว่านี้ หรือแย่กว่านี้ หรือมันอาจจะดีที่สุดในสถานการณ์ที่ไม่มีเวลาคิดอะไรให้ถ้วนถี่ขนาดนั้นก็ได้)
- ความอึดถึกเกินมนุษย์ของทีมนี้ พวกนายไม่ใช่ Captain America นะ - -* จากสภาพนั้นถึงจะเป็นซีลที่อึดถึกแค่ไหนก็ควรตายได้แล้วหละ
- ภาพสั่นประมาณนึง เป็นผลมาจากการถ่ายให้สมจริง
- พยายามเล่นมุกซ้ำๆซากๆ Fxck กันตลอดเรื่อง น่าเบื่อ
- แบ่งบทให้บางตัวละครมากไป เช่นทหารใหม่ 
- ตัดต่อไม่ค่อยโอเค บางช่วงก็เร็วมากจนไม่ส่งอารมณ์ให้อินในช่วงที่ควรจะพีค อย่างตอนทหารตายไรงี้ ไม่ค่อยรู้สึกอินกับเค้าเลย เพราะตอนแนะนำตัวทหารกับแง่มุมชีวิตส่วนตัวของเค้าตามไม่ค่อยทัน บางช่วงก็ยืดเกินแอบง่วง ไหนรีวิวคนอื่นบอกไม่ง่วง ลุ้นจิกเบาะตลอดเรื่องไง บางตอนก็ดูไม่สมเหตุสมผลไปนะ

สุดท้ายนี้ RIP ให้กับทหารกล้าทุกคนที่ไปต่อสู้เพราะความบ้างอำนาจและกระหายเงิน(และความเจือก)ของอเมริกา.....

ปล.สำหรับคนที่อยากได้รีวิวละเอียดๆ อ่านกระทู้นี้ต่อโลด เราว่าเค้าละเอียดดี http://pantip.com/topic/31460344


28 Jan 2014
Cinema 6
Eslanade Ratchadapisek

รีวิวหนัง : ปิดหน่วยล่า คนหมาเดือด Badges of Fury

รีวิวหนัง ปิดหน่วยล่า คนหมาเดือด  Badges of Fury

เจ็ท ลี  มารับบทเป็น “หวงเฟยหง”  ตำรวจสืบสวนสอบสวนที่รอวันเกษียณ  แต่กว่าจะถึงวันนั้นก็มีคดีเกิดขึ้นมากมาย  โดยเฉพาะคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง  ที่เขาจะต้องค้นหาความจริงให้ได้ว่าใครคือฆาตกร ร่วมกับคู่หูสุดเปิ่น หวังบู้เอ๋อ คนที่ชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยนอยู่ตลอดเวลา  หวงเฟยหงจะทำอย่างไรเพื่อคลี่คลายคดีนี้ให้สำเร็จและใครกันแน่ที่เป็นฆาตกรตัวจริง
Hunsa
"บู๊ เน้น ฮา" ซะอย่างนั้นกับหนังเรื่องนี้ หน้าหนัง เรื่องย่อ โปสเตอร์ หรือตัวอย่าง ออกมาแอ๊คชั่นมาก บู๊ๆ เราก็หวังจะได้เห็นหนังแอคชั่นระห่ำทั้งเรื่ืองที่นำโดยเจ๊ทลี เหมือน Firestorm (นำแสดงโดยหลิวเต๋อหัว) ที่เพิ่งดูไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เป็นตำรวจเหมือนกันซะด้วยนะ แต่ปรากฏว่า เรื่องนี้ออกมาสไตล์หนังจีนแต่ก่อนเลย ทั้งสไตล์ภาพ ทั้งมุก เป็นหนังสืบสวนที่เดินเรื่องเป็นหนังตลกผสมแอ๊คชั่น...(หรือจะเรียกว่าหนังจีนวรยุทธ์ดี) และผสมดราม่ากับความรักกุ๊กกิ๊กเบาๆ




หนังยิงมุกตลอดเรื่อง ยิ่งพากษ์โดยพันธมิตรด้วยแล้ว เพิ่มมุกเบิ้ลเข้าไปอีก จนแยกไม่ออกว่าอันไหนมุกใคร แต่ก็ไม่ได้ฮาครืนกันตลอดเรื่องนะ โดนจริงๆไม่กี่มุก ชอบมุกหวงเฟยหง ไม่ได้ฮามากมาย แต่มันคิดถึง >> พี่แกเล่นเปิดเพลงหวงเฟยหงประกอบซะงั้น เก๋ๆ<<

นักแสดง ถึงแม้ว่าในทุกๆสื่อจะเสนอขายเจ็ทลีเป็นหลัก แต่เฮียแกไม่ได้รับบทหลักนะ ใครอยากดูเฮียเต็มๆอาจจะผิดหวังได้ ตัวหลักจริงๆคือ เหวิน จาง ที่รับบทเป็น "หวังบู้เอ๋อ" ตำรวจใหม่เลือดร้อนต่างหาก แต่เค้าแสดงได้ดีนะ สนุกดี ดารานำหญิง 3 คนก็สวยไปคนละแบบ พี่สาวนี่สวยมั้ยนะ ไม่ได้มองหน้าเลย~ มองแต่โฟร์โมสต์นาง หุ่นดีผิวนวล ขนาดผู้หญิงด้วยกันยังละสายตาไมไ่ด้เลยจริงๆ

ปล.ชื่อเรื่องภาษาไทยนี่ที่มาคือไรฟระ?? ใครปิดหน่วย??? ใครคือคนหมา??? ละใครเดือด???


เหวิน จาง ที่รับบทเป็น "หวังบู้เอ๋อ" ตำรวจใหม่เลือดร้อน
คุณพี่สาว ก็....นะ...จ้างมาเพื่อสิ่งนี้...
29 Jan 2014
Cinema 4
Esplanade Ratchadapisek
ฉายจริง 30 Jan 2014


วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

กิจกรรม ดู ATM2 คู่เว่อร์...เออเร่อ...เออรักกับนักแสดง

มินิปาร์ตี้ #ATM2 คู่เว่อ..เออเร่อ..เออรัก กับนักแสดง ครั้งที่ 2

มีเพื่อนคนนึงยกสิทธิ์การเข้าร่วมมาให้ค่ะ ต่ายเลยได้มีประสบการณ์ดีๆครั้งนี้ โดยเค้าได้มาจากเกมบน GMM Z page ทีมงานนัด 18.30น ที่บ้านGTH ซึ่งไม่เคยไปและมีเหตุให้ต้องไปเลทด้วย เกรงใจสุดๆเพราะปกติไม่ชอบไปสายนะ แต่พอรู้ตัวว่าจะเลทเลยแจ้งไปทาง GMM Z เค้าบอกว่าไม่เป็นไร ตามสะดวกเลย เลยเบาใจไปหน่อย

ระหว่างที่คลำทางอยู่ในซอยแถวๆบ้าน GTH ทีมงานก็โทรมาถามไถ่ว่ายังมาไหมและช่วยบอกทางคร่าวๆค่ะ เราใช้ Google map หาทางไปเจอนะ แต่ระหว่างนั้นก็ขับเลยซอยจนได้ ต้องไปอ้อมกลับมาเพราะแถวนั้นเป็นone way ใครขับรถไปเองค่อยๆดูทางนะ เดี๋ยวจะยิ่งเสียเวลา

พอไปถึงซักทุ่มนิดๆ ก็ไปลงทะเบียน เขียนชื่อไว้จับสลาก และทีมงานก็แจ้งให้ไปนั่งทานข้าวกล่องก่อนได้เลย เสร็จแล้วค่อยไปถ่ายรูปกับป้าย ATM2 และเข้าไปนั่งรอดูละครกันค่ะ




ระหว่างรอละครมาก็มีการพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองค่ะ นักแสดงที่มาร่วมดูด้วยกันคือ แจ๊ค แฟนฉันและน้องฝน ศนันธฉัตรค่ะ





มีเซอไพรส์มาเป็นระยะๆ จากผู้คนที่แวะเวียนมาเยี่ยมห้องด้วย









ระหว่างแต่เบรคก็มาพูดคุยกันสนุกสนาน มีขนมมาแจกให้ลอง (และให้ตามไปอุดหนุนด้วยนะ^^)





ไม่พอ ตอนจบยังมีจับรางวัลอีก ทั้งรางวัลอัพแพคเกจ GMM Z ทั้งหนังสือ The Making of MAK หมอน GMM Z เสื้อและอื่นๆค่ะ มางานนี้ฟินสุดๆ






ขอบคุณ GMM Z และ GTH นะคะ ^^ 

ปล.น้องฝนตัวเล็กมาก ไม่กล้าถ่ายด้วยค่ะ กลัวจะแลดูเป็นยักษ์ไป - -"

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : Firestorm ปิดเมืองล่าโจร


Firestorm วินาศสันตะโรมากๆ ดราม่าพอน้ำตาซึม ภาพสวยๆอาร์ทๆโทนดราม่าหม่น

วันนี้มาดู Firestorm ที่SF พระราม 9 ค่ะ รอบแรกของไทย(มั้ยนะ) แต่หนังเลททททททท เพราะงั้นก่อนเข้ารีวิว ขอบ่นก่อน ใครขี้เกียจอ่านเลื่อนลงไปข้างล่างโลด

นี่เป็นหนที่ 2 ที่ดูแล้วหนังเลท หนแรกคือเรื่อง Romeo & Juliet (2013) เลทไปชม.นึงแต่พนง.พูดจาไม่ค่อยดีคือปัดความรับผิดชอบไปทางค่ายหนังอย่างเดียว ปัดย้ำๆ "โรงหนังไม่ผิด ค่ายหนังอิสระผิด" ซึ่งแลดูน่าเกลียดมาก คนดูไม่ได้อยากรู้ว่าใครผิด แต่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ดูต่างหาก แต่พอจบเค้าเข้ามาบอกว่าให้โทรไปเบอร์ xxxxxxxx เพื่อทางค่ายหนังจะ "เอนเตอร์เทน" ชดเชยที่ทำให้รอ (เราโทรไปไม่ติด/ไม่ว่าง/ไม่รับ สุดท้ายเลยไม่ได้รับเอนเตอร์เทนเป็นตั๋วหนัง 2 ใบ แต่คนอื่นที่ขยันโทรได้นะ)
หนนี้พนง.มาเดินบอกหน้าโรงตั้งแต่ 2 ทุ่มที่ควรจะได้เข้าโรง ว่าหนังมีปัญหาจะได้ดู 2 ทุ่มครึ่ง แต่ซักพักก็เปิดให้เข้าไปรอในโรงก่อน และแจ้งเรื่องการเลทในโรงอีกที พนง.พูดจาดี คือแค่ขอโทษในความล่าช้าขัดข้อง ไม่โบ้ยใคร ไม่ดราม่า แต่ข้อเสียคือจนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ฉาย รีวิวร้านอาหารไป 1 ร้าน เล่นแคนดี้ครัชด่าน 461 ไปหมดใจ(แต่ไม่ผ่าน) ไปเล่นฟาร์มฮีโร่จนหมดอีก คุยไลน์เล่นfb จนไม่มีไรทำ  สุดท้ายกว่าจะได้ฉายคือตอน 3 ทุ่ม และไม่มีการชดเชยหรือรับผิดชอบใดๆที่ให้คนดูมานั่งรอถึง 1 ชม.(และหลายคนไม่รอ) มีเพียงคำขอโทษในตอนแรกที่บอกว่าจะเลทเป็น 2 ทุ่มครึ่งเท่านั้น
Update มีคนไปโวยใน We love SF fanpage admimก็ทำได้แค่แจ้งสาเหตุขัดข้องว่ามาจากฟิล์มหนังมีปัญหา ขออภัยทุกท่านด้วย แค่นั้น 



=======================
เข้ารีวิว Firestorm ปิดเมืองล่าโจร
=======================

เรื่องย่อ หลิวเต๋วหัวแสดงเป็นสารวัตรที่รักความยุติธรรม มาเป็นตำรวจเพื่อจับคนร้ายไม่ให้ไปทำร้ายใครๆนอกคุกได้ แต่เมื่อกฏหมายไม่สามารถเอาผิดคนร้ายที่แสนอุกอาจได้ หลิวเต๋วหัวเลยต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง...เรื่องเน้นการล้อมจับ ไล่ล่าโจร ในหลายๆโลเคชั่น
เฮียหลิวเต๋อหัวดูหนุ่มขึ้นแฮะ ผอมลงและหน้าตึงขึ้น ที่สำคัญ เฮียเป็นคนเหล็กมากๆ ถ้าเป็นคนธรรมดาน่าจะตายซัก 45 รอบได้แล้วมั้ง นี่ไม่เล้ยยยย ล่ากันสนั่นเมืองขนาดนี้ อึด ถึก ทนมากๆ
ดารานำหญิง สวย ชอบบบบ (ชมนางเอกทุกเรื่องทุกรีวิว ก็สวยกันทุกเรื่องอะนะ)
เนื้อเรื่องมีดราม่าในหลายๆแง่มุม แม้จะไม่ขยี้มาก แต่ก็ทำได้ดี พอให้ได้น้ำตาซึมกันได้บ้าง แต่ที่เน้นหนักเลยคือบู๊ล้างผลาญ แบบต่อเนื่องยาวๆ สไตล์หนังฮ่องกง วินาศจน..เอ้ย..มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ มันส์มากเลย (ถึงตำรวจจะกากไปหน่อยก็เถอะ) ถ้าไม่บู๊ขนาดนี้คงหลับแล้ว เพราะรอหนังฉายนานจนง่วง
ภาพ จัดองค์ประกอบภาพ และมุมมองดี ดูอาร์ทๆ หม่นๆ โทนดราม่า ไม่ถึงขั้นติดตราตรึงใจจนเพ้อแบบบางเรื่อง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเค้าใส่ใจกับการวางภาพให้สวย และสามารถคุมโทนทั้งเรื่องได้ดี เอฟเฟคเนียนดี ไม่นับกระสุนปืนฟิ้วๆๆอย่างกะเกม ซึ่งก็ดูสนุกไปอีกแบบ มีฉากนึงของพุ่งใส่หน้ามากแบบไม่ต้องพึ่งแว่น3D เลย
อ้อ เกือบลืม เรื่องนี้พันธมิตรพากย์นะ หนังจริงจังเลยไม่ค่อยแทรกมุกมาก แต่ก็ยังพอมีเหมือนอดไม่ได้ ตามสไตล์เค้านั่นแหละ

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : The Wolf of Wall street

สนุกมาก!! เป็น 3 ชม.ที่ไม่น่าเบื่อเลยจริงๆ
ลีโอนาโดเล่นดีมาก จนอยากให้เฮียแกได้รางวัลออสการ์ซะที
ว่าแต่หนังเรทอะไรนี่ มีแต่เซ็กซ์กับยาเต็มเรื่อง เปลือยเห็นหมดตัว และนมมาแบบ ชีวิตนี้ไม่ต้องกินแคลเซียมแล้วก็ได้

เรื่องย่อคือลีโอนาโดเป็นโบรกเกอร์ตกงานที่มาเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง แล้วเทรนคนให้เป็นโบรกเกอร์ชั้นเยี่ยมที่ทำกำไรและคอมมิชชั่นได้มหาศาล แต่วิธีการได้มาไม่โปร่งใสนัก  หนังเล่าตั้งแต่เริ่มการงาน ความอู้ฟู่เฟื่องฟูของมัน ในรูปแบบที่อึกทึก เฮฮาคาวโลกีย์มาก จนถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต และผลจากการกระทำของเค้า...จุดจบของคนทำผิดกม.จะเป็นยังไง ล้มบนฟูก เฟื่องฟูฝุดๆไม่มีใครจับได้ หนีไปตปท.พร้อมเงินมหาศาลในบัญชีสวิส(เอ๊ะนี่มันคุ้นๆ) คุกๆๆ หรือตายไปลุ้นกันดูนะ^^

ลีโอนาโดเล่นดีในทุกฉาก ทรงพลังมาก สีหน้า ท่าทาง เสียงพูดดีหมด เป็นเทรนเนอร์ที่น่าไปเทรนคนขายตรงมาก เพราะโน้มน้าวใจคนได้น่าเชื่อถือสุดๆ บทเมายานี่ก็สุดยอดสมจริงดูเมามากและฮามาก

คนอื่นๆก็เล่นดีทุกคน มีตัวละครที่โดดเด่นเยอะเลย เราชอบนางเอกที่ความสวยของนางทั้งหน้าตาและหุ่น สวยคมบาดตาจริงๆ

จบดื้อๆ เล่ามากกว่านี้เกรงจะเผลอสปอย
แต่บอกได้เลยว่าเรื่องนี้ต้องดู!!

20 Jan 2013
Cinema 12
Esplanade Ratchadapisek

วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : Jack Ryan : shadow recruit


เรื่องนี้ไม่ได้ดูรอบสื่อมาดูเอาวันที่ฉายปกติแล้ว แถมไม่มีตั๋งมาโชว์อีก เพราะไม่มีตั๋ว งงมั้ย^^ คือจริงๆแล้วที่ได้ดูวันนี้มันมีเหตุค่ะ ขอเล่าซักนิดก่อนจะรีวิวหนัง วันนี้ตั้งใจมาดู  Supershow4 Super Junior World Tour 3D รอบบ่าย 2 โดยเล่มเกมในM gen FB แลกแต้ม 100 แต้มต่อ 2 ที่นั่งมาค่ะ แต่พอเข้าไปดูมีคนนั่งตรงที่นั่งเราแล้ว เสร็จเลย...งานเข้า(อีกแล้ว ตอนดู G Dragon ที่นั่งก็ชนแบบนี้หละ) เลยเดินออกมาให้พนง.เคลียร์ งานนี้ต้องขอบคุณ K.Somsak ที่ดูแลที่โรงนี้อยู่ ที่ช่วยประสานงานและหาทางแก้ปัญหาให้ โดยเค้าให้ทางเลือกมา 2 ทาง
1. รอดู SJ รอบ 16.30 น.แล้วระหว่างนี้จะดูเรื่องอะไรรอก็ได้
2. ไม่ดูกลับบ้าน เค้าจะคืนแต้ม 100 นึงให้ (ซึ่งเท่ากับวันนี้เสียน้ำมันรถมาฟรีและเสียอารมณ์ฟรีๆ)
แน่นอนว่าต่ายเลือกข้อ 1 จึงเป็นที่มาของการดู Jack Ryan แบบไร้ตั๋วหนนี้ ในโรงPlatinum แถมป๊อบคอร์นและน้ำให้ด้วย ....จริงๆต่ายต้องไปอีกที่ตอน 18.30 นะ แต่ถ้าเลือกข้อ 2 มันไม่โอเคจริงๆ เลยยอมไปเลทแทน -_-;

เข้ารีวิวค่ะ....

Jack Ryan : Secret Recruit
หนังสายลับที่น่าดูตั้งแต่เห็นชื่อ Tom Clancy นักเขียนที่คุ้นเคย เพราะช่วงหลังๆนี่เริ่มไล่อ่านหนังสือของเค้าไปหลายเล่ม แต่ละเรื่องจะลุ้นระทึก ตื่นเต้นได้ตลอด เห็นตัวอย่างหนังแล้วก็น่าดู แต่ตอนนั้นยังคิดนะว่าคนปกติเป็นนักวิเคราะห์จะสู้ได้เหรอ จะไม่ดับอนาถระหว่างไล่ล่าเหรอ แต่ไปดูแล้วก็ถึงบางอ้อ เพราะมันมีแบลคกราวน์ที่ทำให้แจ๊คเทพขนาดนี้อยู่

โดยรวมหนังสนุกมาก ต้นเรื่องมึนๆ แต่หลังๆจะเริ่มมันส์ มีเรื่องความรักด้วยนิดนึง

(แอบสปอยหยาบๆ พออ่านได้ไม่ได้เปิดเผยซะทุกอย่าง) 
ช่วงต้นเรื่องจะมึนหน่อยเพราะการก่อการร้ายในเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกัน แต่โยงไปเรื่องเศรษฐกิจ ตลาดหุ้น ซึ่งจนแล้วจนรอด คนธรรมดาๆที่เรียนEcon ได้เกรด C แบบเราก็ต้องปล่อยมันไป ทำความเข้าใจไม่ไหว รู้แค่ว่าถ้าคนร้ายทำสำเร็จเศรษฐกิจทั้งโลกจะล่มจมก็พอ

พอพ้นความมึนไปได้แล้ว ก็ได้เวลาระทึกแบบต่อเนื่องเลย ไม่ได้เป็นฉากไล่ล่าโอเว่อร์อะไร ชนิดที่โม้เกิ๊นว่าคนธรรมดาจะรอดได้ยังไง แต่จะแนวสมจริงหน่อย ชอบดูการระวังตัว การรู้ทันกันของทั้ง 2 ฝ่าย
พระเอกนี่อย่างเทพ ไม่ใช่ว่าอึดถึกไร้รอยข่วนนะ แต่เป็นคนที่ได้ทั้งบุ๊นและบู๊ ฉลาดเป็นกรดและสู้เอาตัวรอดได้ แต่ไม่โหดเหี้ยม รักชาติ รักเดียวใจเดียว สมบูรณ์แบบมากทีเดียว
นางเอกไม่งี่เง่าดี ทำตัวสมเป็นดร. แต่นางสวยบางมุมแฮะ บางมุมไม่ค่อยสวยแปลกๆ
18 Jan 2014
Platinum screen
Major Ratchadapisek

รีวิวหนัง : is am are

is am are

เค้ากล่าวไว้ว่า "เกิดจากการรวมตัวกันของ 3 ผู้กำกับ 3 คาแรคเตอร์ แต่มี 1 สิ่งที่ตรงกัน คือ ต้องการเล่าเรื่องราวในสังคมปัจจุบันผ่านภาพยนตร์ เพื่อให้ผู้ชมเห็นคุณค่าของตัวเอง สัมผัสได้ถึงคุณค่าของมนุษย์ และรับรู้ถึงคุณค่าของการดำรงอยู่"
-------------------------------------------------------------------------
อ่านเรื่องย่อดูน่าสนใจใช่มั้ย เหมือนจะได้อะไรๆ อย่างน้อยเราก็คาดหวังถึงข้อคิด มุมมองแปลกๆของหนังสั้น หรือมุมภาพ เสียงประกอบ อะไรก็ได้ที่มันแตกต่างจากหนังตลาดที่พล็อตซ้ำๆ องค์ประกอบเดิมๆ แต่ปรากฎว่าสิ่งที่ได้คือ ได้รู้ว่ามันยังห่วยแตกเหมือนเดิม รวมๆก่อน


- ภาพหนังเรื่องนี้ทั้งที่เป็นผู้กำกับคนละคนกัน แต่ภาพออกมาโทนเดียวกันซะเป็นส่วนมาก คือมืดๆดำๆหน่อย จัดของมาวางเบลอๆข้างนหน้าหน่อย อีกแปปก็ไปเบลอหลัง ไม่รู้หรอกนะว่าในทางเทคนิคมันต่างกันมั้ย แต่สำหรับคนดูอย่างเรามันเหมือนกัน เหมือน....การแต่งรูปด้วย Smart phone แล้วอยากได้ภาพดราม่า เลยเข้า app snapseed แล้วเลือก filter drama dark1 แบบนั้นเลย~
- เสียง…ทั้งดนตรีประกอบ บทพูด เอฟเฟค มันดังพอๆกัน ก้องไปหมด บางฉากเข้าขั้นน่ารำคาญ
- เนื้อหา ออกมาได้ห่วยกว่าเรื่องย่อ เอาเรื่องย่อนี้ไปขยายความเขียนเป็นหนังสือซักเล่ม คงจะเวิร์คกว่า



FAY “เฟย์” - "I am not what I once used to be! I am what I am"
“ชีวิตของเฟย์ ถูกถ่ายทอด ผ่านเรื่องราว คำบอกเล่า หลากหลายแง่มุม จากคนสำคัญในชีวิตเฟย์ จิ๊กซอว์ชิ้นเล็กๆ ค่อยๆต่อเติมประกอบกันเป็นโลกของเฟย์ โลกที่เคยดับไปของพิม ในมุมที่พิมไม่เคยรู้.....และบางที “สิ่งที่เห็นอาจไม่เหมือนอย่างสิ่งที่เป็น”


วิธีการเล่าเรื่องจากการสัมภาษณ์คนรอบตัวแล้วค่อยๆเผยถึงตัวตนของคนๆหนึ่งในแง่มุมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นวิธีการที่มีหนังเรื่องอื่นเคยทำมาแล้วมากมาย บางเรื่องพอยิ่งได้รู้ยิ่งอึ้ง แต่เรื่องนี้กี่คนกี่คนเล่าออกมามันก็ไอแง่มุมเดิมๆ ไม่ได้ข้อมูลไรเพิ่มเลย แถมพล็อตของเฟย์เองยังเบสิคมากอีก...เฟย์กับแฟนคบกันตั้งแต่เรียนมหาลัย พอเข้าวงการบันเทิงก็ไม่มีเวลาให้กัน จนแฟนไปคบคนอื่น เฟย์เลยกลายเป็นเลส+ขี้เมาติดยา แล้ววันนึงก็โดนคู่เลสทิ้ง 
ทุกคนเล่าออกมาก็ไม่พ้นตรงนี้ไม่ได้เห็นแง่อื่นว่า เคยหวานมั้ย เคยเป็นคนอบอุ่นนะ มุ่งมันกับงานนะ ไม่มีเล้ยยยยย แล้วอยู่ๆก็มาหักมุมตอนจบแบบงงๆว่าเฟย์มีคนหน้าเหมือน (ซึ่งเป็นญาติหรือแค่เหมือนก็ไม่รู้) แล้วตกลงคนที่ตายที่เฟย์หรือคนนั้น หรือใครสวมรอยใคร ดูไม่รู้เรื่องเลย

ใช้ภาพดาร์คๆกับภาพสีวิ้งๆตอนฉากเมาฉากจูบ วิธีนำเสนอจำเจมาก หนังแบบนี้ใช้ภาพแบบนี้ซัก 80% มั้ง (ฉากจูบก็นานเกิ๊น ไม่ได้ชวนสยิวเลย น่าเบื่อมาก) ใช้ฉากจบการสัมภาษณ์แต่ละคนแบบซ้ำกันให้รู้สึกเดจาวู แต่ไม่รู้สึกอะนะ ดูจบแล้วก็...ไม่ได้อะไร...ดูให้งงเล่น..ว่าแกจะหักมุม..ให้กูรู้เรื่องกว่านี้ได้มั้ย....

“ถ้า/เกิด/ว่า” - "It's not where you are from. It's where are you at."
ผกก.คนเดียวกับ coffee please!!! มิน่าเล่า...เนื้อเรื่องเกือบจะดี..ภาพสวยกว่าเรื่องอื่น ออกสว่างกว่ากัน สไตล์หนัง feel good แต่พอลงรายละเอียดอ่อน..มากกกก ใส่ใจบทพูดกับการกำกับการแสด
งให้มากกว่านี้ได้มั้ย


บทคนหนุ่มในร่างคนแก่เนี่ย ดูไม่รู้เลยว่าเป็นแบบนั้น มันเหมือนดูลุงแก่ๆเดิมๆอยู่ เรื่องแสดงไม่เก่งก็อย่างนึงนะ แต่บทเนี่ย~ คนหนุ่มที่ไหนเค้าพูดกันว่า “เอ็งกับข้า” เหรอวะคะ แล้วพอดูไปซักพักใหญ่ อยู่ๆก็เหมือนผกก.คิดได้ว่า เฮ้ย!!มันต้องดูเป็นวัยรุ่นในร่างคนแก่นี่หว่า มันต้องให้ลุงทำอะไรดูขัดกะความแก่หน่อย เอ้า ใส่ภาษาจ๊าบๆลงไป ให้ทำท่าตลกๆซิ...แล้วซักพักก็ลืม เขียนบทพูดแบบคนแก่มาเหมือนเดิม.....อีกบทที่บัดซบมากคือบทลูกเขยของลุง เล่นแข็งมากกกกกก โดยเฉพาะประโยค “ เอ่อ...ผมเกรงว่า” ใครไปดูแล้วไม่สะดุดกับประโยคนี้ให้เตะเลย

ทางด้านลุงในร่างของหนุ่มยิ่งไปกันใหญ่ หนังไม่ถ่ายถึงซักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนกลายเป็นคนสำมะเลเทเมาซะงั้น ทั้งๆที่หนังบอกว่า 2 คนต่างรู้ความหมายของชีวิตมากขึ้น แต่นี่ลุงแกกลับแย่กว่าเดิม จากคนที่ผ่านชีวิตที่ผิดพลาดมาแล้ว เรียนรู้ความผิดพลาดของตนเอง จนปรับปรุงตัวมาทำไร่ทำประโยชน์แก่สังคม พอกลับเป็นหนุ่มปุ๊บ เหลวแหลกกว่าเดิม...คือมันไม่ใช่ป่าววะเนี่ย ต่างคนควรจะต่างทำให้ชีวิตของอีกคนดีขึ้นสิ ตกลงแกไปก๊อปพล็อตชาวบ้านเค้ามาผสมกันอีกแล้วใช่มั้ย???


“เงา” - "The shadow is the dark side of human nature"
เนื้อเรื่องก็เกือบจะดี คือทางด้านเมียก็ให้เค้าหาเลี้ยงแล้วยังเอาแต่บ่น กดขี่ผัวอีกน่ารำคาญ โดนทิ้งก็สมควร แต่เหตุผลทางด้านผัวมันมั่วไป หนังพยายามบอกว่าผัวนี่เป็นชายที่โดนหญิงกดขี่ อยู่บ้านเจอเมียด่า
 อยู่รร.เจอผอ.หญิงด่าแถมกดไม่ให้เจริญ จนไม่มีความมั่นใจในตัวเอง จนเก็บกดต้องไประบายออกกับโสเภณีใบ้ พอได้เป็นฝ่ายกดขี่แล้วมีความมั่นใจ จนเจริญก้าวหน้าทางการงาน


จริงๆทางผัวเนี่ย มันขาดความรับผิดชอบเองอยู่แล้ว ทางผอ.รร.ให้โอกาสตลอด แต่ทำพังเองตลอด สิ่งที่หนังพยายามจะสื่อกับสิ่งที่ได้เห็นมันก็เลยขัดๆกัน บทพูดโยนมาว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายผิดในทุกเรื่องเลย ทั้งเรื่องเมียเรื่องผัว หนังบ้าอะไรเหยียดเพศชะมัด โชว์นมกันไปหลายฉาก ตั๋วหนัง/โปสเตอร์เองก็เอาเมียซึ่งในเรื่องแต่งตัวเรียบร้อยมาแก้ผ้าเรียกแขก บ้าบอจริงๆเลย

แต่บทพูดสอนของตำรวจเรื่องนี้เนียนกว่าเรื่อง ถ้าเกิด/ว่า ซึ่งจะสอนโพล่งอะไรกันนักก็ไม่รู้
จบการระบายแต่เพียงเท่านี้ คาดว่าจะงดดูหนังไทยไปพักใหญ่ๆ ถ้าไม่บังเิอิญได้ตั๋วฟรี....



21 Oct 2013
Lido

รีวิวหนัง : Plane

Plane

คาดหวังอะไรจากหนังเรื่องนี้ ....บอกตรงๆไม่คาดหวังเลย ถ้าไม่ได้ตั๋วฟรีก็จะไม่ดู (ปกติดูอนิเมชั่นแทบทุกเรื่อง) เพราะดูตัวอย่างแล้วเนื้อเรื่องมันเดิมๆ ไม่ต่างกับ Cars หรือ Turbo ถ้าเค้ายังคิดจะออกหนังสไตล์นี้มาอีก ไทยเราก็ควรจะสร้างหนังเอารถตุ๊กๆไปแข่ง F1 ดูบ้าง

ดูแล้วเป็นไง...เป็นไปตามคาดเลยไง เนื้อเรื่อง underdogฝ่าฟันอุปสรรคพิสูจน์ตนเองโดยมีเพื่อนๆช่วยเหลือ มีตาแก่คันนึงเป็นโค้ช มีแชมป์เก่าจอมยโสเป็นตัวร้าย ดราม่านิดๆ ชนะจบ โอ้ยยย เป๊ะเว่อร์ เหมือนเดิมเป๊ะ

ที่แย่คือ..มันน่าเบื่อ เรื่องราบเรียบมาก ฉากฮาก็น้อย ดูจริงจังกว่าเรื่องอื่นๆ บางช่วงเกือบหลับ

ส่วนที่ชอบก็ ภาพดูจริงจังไม่ฉูดฉาด หลายๆฉากสวยเลย พวกทิวทัศน์ ต้นไม้ ทัชมาฮาล ไรงี้ กับภาพเส้นทางบินดูเป็น4D คงสนุก นิสัยตัวเอกไม่เหลิงไปกับชื่่อเสียงตอนดังขึ้นมา ดีเลยเพราะเบื่อดราม่าเนื้อนี้แล้ว แต่ถ้าจะไม่ดราม่ากับความหลังโค้ชด้วยจะดีมากเพราะนี่ก็เฝอแล้วเหมือนกัน

22 Oct 2013
Cinema 5
Esplanade Ratcharapisek

รีวิวหนัง : Ender's Game

Ender's Game

Ender's game ภาพสวย แสดงดี โครงเรื่องเองง่ายๆแต่กลับทำให้รู้สึกกดดันได้อย่างน่าประหลา

คาดหวัง/หวาดหวั่นอะไรกันหนังเรื้องนี้: บอกก่อนเลยว่าไม่ได้อ่านหนังสือไม่ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เลย จากตัวอย่างหนังก็หวังว่าจะได้ดูฉากบัญชาการรบเจ๋งๆ แต่พอดูเรื่องย่อ เป็นเรื่องของเด็กชายคนนึงในโรงเรียนฝึกเด็กไปรบ ทั้งเรื่องดำเนินในรร. เลยแอบหวั่นใจว่าจะกลายเป็นหนังเด็กแบบ Percy Jackson หรือกลายเป็นหนังลูกเสือเดินทางไกลแบบafter earth แล้วฉากเจ๋งๆมีแค่ในตัวอย่าง จบ...ไรงี้

(สปอยเกือบจบ เว้นไว้หน่อย ถ้าอยากอ่านก่อนดูอ่านได้ไม่ตาย เรื่องมันง่ายๆเดาง่าย)
ดูแล้วเป็นไง? ชอบเลยนะ อยากดูซ้ำ อย่างแรกคือภาพ ขนาดฉากแรกมาไม่ใช่ฉากใหญ่อะไร แต่รู้สึกว่ามันชัดกริ๊บ เพลินตามาก ฉากรบในอวกาศหรือฉากในเกมจิตวิทยานี่ถึงกับเพ้อ ชอบอะ มันไม่ได้ใหม่แหวกแนวอะไรหรอก แต่มันสวยจริงๆ เสียดายที่ไม่ใช่3D ทั้งๆที่น่าจะทำได้และเหมาะมากด้วย

โครงเรื่องง่ายๆ(ในหนังสืออาจจะยากกว่านี้ เดี๋ยวไปซื้อมาอ่านก่อน) ไม่แน่ใจว่าtarget ของเรื่องจริงๆเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ทำออกมาก้ำกึ่งมาก คือโครงหลักเหมือนเกมเก็บเลเวล ปราบมินิบอสแล้วได้ไปด่านต่อไป(เลื่อนตำแหน่ง) เจอมินิบอสตัวใหม่ แล้วก็จบที่ฆ่าบอสสุดท้าย กลุ่มเพื่อนในรร.หรือการวิวาทก็มาแบบเด็กๆเลย มีไจแอนท์เป็นหัวโจก มีเด็กเป๋อๆขำๆเป็นเพื่อน ปิ๊งกับสาวแกร่ง1 เดียวในหมู่ผู้ชาย ครูโหดๆงี่เง่า แล้วก็ไม่รู้อีท่าไหน สุดท้ายกลุ่มเพื่อนสนิทก็มาเป็นกองรบอัจฉริยะในตอนจบ เห็นมะเนื้อเรื่องเด็กๆ มีอีกหลายองค์ประกอบที่เป็นหนังเด็กมากๆ 

แต่เรื่องกลับแสดงการชิงไหวพริบเอาตัวรอดตลอดเวลา บางจุดก็เครียดมากๆ กดดันเลย
แล้วender ก็แสดงดีมาก ดูแล้วรู้สึกถึงความซับซ้อนของตัวละครตัวนี้ บางครั้งก็โหดมากกก แต่ก็เรียกว่าไรดี ใจดีมีมนุษยธรรม..ใจอ่อน...ไม่ใช่แฮะ บรรยายไม่ถูก ลองไปดูละกัน

ชอบอะไรอีก...มุกเรื่องนี้ฮาเล็กๆได้ตลอด เค้าไม่ไปพุ่งเป้าว่าจะต้องตลกตอนละยาวๆ คือแทรกมากับบุคลิก/ลักษณะตัวละครต่างๆ ที่ก็แสดงบทจริงจังแท้ๆแต่ดันฮา ไม่ต้องเอาตัวละครมาพูดจาปัญญาอ่อนเพื่อปล่อยมุกปัญญาอ่อนเหมือนหนังไทย พูดเฉือนเหลี่ยมกันนี่หละ แต่ฮา ชอบจ่าแด๊ปกับหัวหน้าหน่วยตัวเตี้ย(จำชื่อไม่ได้วุ้ย)

บางคนบอกว่าแอบเบื่อกลางเรื่อง แต่เราไม่นะ เรื่องดำเนินเร็วพอควรเลย ถึงเรื่องมันจะง่ายๆแต่ก็มีอะไรให้ได้ดูกันตลอด)

ปล.แจกตั๋ว18.30 บอกหนังเริ่ม 2 ทุ่ม เข้าไปนั่งรอแบบจอดำอยู่ครึ่งชม.แล้วดูตัวอย่างหนังอีกครึ่งชม. หนังฉายจริง 3 ทุ่ม จบ 5 ทุ่ม ถึงจะรอบกาล่าหรือไรก็ให้มันตรงเวลาหน่อยสิฟระ-*-

รีวิวหนัง : Thor | The Dark World

Thor | The Dark World

ไม่ควรพลาดเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวง!!!
(ยกเว้นคนที่ไม่ชอบFantasy เลย ทุกอย่างในโลกหล้าของเป็น Reality ดูจบมาหาว่าเหมือนหนังจักรๆวงศ์ๆช่อง 7 สลัดดด!!)

ครบรสนะ หนักบู๊และฮา แต่ก็มีบทเศร้าๆและจริงจังนะ ฉาก อาวุธ เสื้อผ้าหน้าผม ชอบหมดทุกตัว ภาคนี้เน้นAscard เยอะเมืองอะไรงามจริงๆอลังการ นางเอกก็ทั้งสวยทั้งน่ารัก เจิดมาก

แต่คนที่ได้ใจไปเต็มๆคือโลกิ ชอบมาตั้งแต่Thor1 Aventure1 และนอกโรงตอนเฮียแกมาโปรโมต มาภาคนี้ได้ดูแบบจัดเต็ม หลงรักเลย คนอะไรมีเสน่ห์มากกกกก เหงา เศร้า ขี้ใจน้อย ซึน กวนตีน เจ้าเล่ห์ และฮา คิดตัวละครที่ชอบกว่านี้ไม่ออกแล้ววว~ ยิ่งตอนพี่น้องเค้าคุยกันนะ น่าร๊ากกก~

อะไรนะ!!!รีวิวหนังThor ไม่ใช่ให้มาชื่นชมโลกิ??? อะเคร.....ต่อ....

Thor ก็อบอุ่นนะ พี่ชายที่แสนดีที่หวังและหวังที่จะไว้ใจน้องได้ แฟนที่แสนดี คือพอเค้าโตขึ้นไม่งี่เง่าแบบเริ่มต้นThor1 แล้ว เค้าก็เป็นผู้ชายในอุดมคติไปเลย

แม่ของ Thor ใช้ช่วงเวลาในฉากสั้นๆนิดเดียว เอาใจคนไปทั้งโรงเหมือนกัน ท่วงท่าสง่างาม จิตใจเข้มแข็งสมเป็นราชินี

เพื่อนนางเอกก็เป็นจอมแย่งซีนสุดๆ สรุปว่าภาคนี้นางเอกจืดสุดแล้ว

สิ่งที่ไม่ชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้...
1. ฉากภายในจิตของนางเอก ภาพโดดโทนไปหน่อย แถมไม่ค่อยสื่ออะไรได้ลึกนัก ไม่น่าสนใจ
2. เพลงประกอบแบบ อลังการ ธอร์โผล่...เพลงขึ้น ผ่างๆๆๆๆๆ เปิดฉากเมืองแอสการ์ด เพลงขึ้นผ่างๆๆๆ เข้าใจนะว่าอยากให้อลังการ แต่แบบ....ชัดไป...

เรื่องความมีเหตุผลสมจริงในการสู้รบกับบอสปล่อยผ่านไปนะ มันเป็นหนังแฟนตาซี จะหาอาวุธอะไรมาสู้กะของตัวร้ายถึงจะสมเหตุสมผลคงยาก อาวุธพี่ท่านเลิศเลอเกินไป (หนัง/การ์ตูนชอบใช้กันจังนะ อาวุธหลุมดำเนี่ย) ถ้าใช้เต็มประสิทธิภาพ คงตายยกเมืองไปตั้งแต่วิแรกแล้ว

6 Nov 2013
Cinema 9
Paragon Cineplex