วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : Snowpiercer


Snowpiercer

เรื่องราวของ Snowpiercer เกิดขึ้นในปีคริสตศักราช 2031 หลังจากความพยายามในการหยุดยั้งวิกฤตโลกร้อนประสบความล้มเหลว ทำให้โลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอีกครั้งและทำลายสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก เหลือแต่เพียงรถไฟหัวจักรที่ชื่อว่า "สโนว์เพียซเซอร์" ที่ออกเดินทางรอบโลกอย่างไร้จุดหมาย โดยใช้พลังงาน "เครื่องจักรนิรันดร์" ขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยสภาพอากาศภายนอก อย่างไรก็ตามภายในขบวนรถไฟก็เกิดเป็นสังคมใหม่ ที่มีการแบ่งแยกชนชั้นและริดรอนสิทธิของมนุษย์ และนั่นเองก็ทำให้การปฏิวัติจากชนชั้นล่างกำลังจะอุบัติขึ้น

หนังดีมากกกก เข้ากับเหตุการณ์ปัจจุบัน ทุกคนควรดูยกเว้นเด็กเพราะหนังโหดมากอยู่

(แต่มีผู้หญิง 2 คนพาเด็กวัยอนุบาลมาดู 2 คน ต่อให้ไม่รู้ว่าหนังจะเป็นยังไง พอดูมาถึงฉากโหดควรจะรู้แล้วควรจะพาเด็กออกจากโรงได้แล้ว แต่ไม่!!พวกนางดูจนจบ อิบ้าเอ้ยยยยยย โมโหเลย วิญญาณเพศแม่หงุดหงิดอยากลงไปด่านาง แต่วิญญาณนางงามรั้งตัวไว้ เลยได้แต่ด่าลอยๆตอนออกจากโรง)

หนังหนัก จริงจัง เครียด โหด แต่สลับฉากกับความฮา ฉากอึกทึกสับสนวุ่นวายสลับกับฉากเงียบสงบ เป็นแบบนี้ตลอดเรื่อง ทำให้พอได้พักบ้าง และช่วยเร่งเร้าอารมณ์ได้ดี

ภาพสวยอาร์ทในหลายๆฉาก ฉากรถไฟแบบมุมกว้างแลดูเก๊บ้าง แต่ไม่ใช่ส่วนสำคัญของเรื่อง พยายามมองข้ามๆไป

(สปอยนิดเดียวตามตัวอย่างหนัง ไม่สปอยไคลแมกซ์)

เนื้อหาหนังเหมือนย่อการปฏิวัติประเทศมาไว้ในรถไฟขบวนเดียว รถไฟขบวนนี้เลยแสดงให้เห็นหลายๆอย่างทั้งความแตกต่างของสังคม ชนชั้น มุมมองของผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง การปฏิวัติที่ไม่ได้มีเพียงฉากหน้าที่เราเห็น ว่าฝั่งนึงคือฮีโร่ที่พยายามโค่นตัวร้าย แต่มันมีฉากหลังที่ลึกซึ้งลงไป ที่คนส่วนมากก็คงไม่เข้าใจ และได้แต่ตกเป็นเบี้ยของผู้ชักใย และตายไปอย่างสูญเปล่า

แม้แต่ว่าปฏิวัติสำเร็จแล้วได้อะไร จนจบก็ยังไม่รู้เหมือนกันนะ ยึดรถไฟได้ แต่ไม่มีผู้นำที่มีประสบการณ์ความสามารถพร้อมที่ควบคุมรักษาระเบียบของสังคมและนำมาซึ่งสันติสุขได้ แล้วยังไง? คนจะอยู่ดีมีสุขกว่าเดิมได้จริงหรือเปล่า ก็ยังไม่รู้เลย

ดูแล้วก็นึกถึงประเทศไทยตอนนี้ เฮ่อ.....


4 Dec 2013
Cinema 13
Major Ratchayothin

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น