วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : is am are

is am are

เค้ากล่าวไว้ว่า "เกิดจากการรวมตัวกันของ 3 ผู้กำกับ 3 คาแรคเตอร์ แต่มี 1 สิ่งที่ตรงกัน คือ ต้องการเล่าเรื่องราวในสังคมปัจจุบันผ่านภาพยนตร์ เพื่อให้ผู้ชมเห็นคุณค่าของตัวเอง สัมผัสได้ถึงคุณค่าของมนุษย์ และรับรู้ถึงคุณค่าของการดำรงอยู่"
-------------------------------------------------------------------------
อ่านเรื่องย่อดูน่าสนใจใช่มั้ย เหมือนจะได้อะไรๆ อย่างน้อยเราก็คาดหวังถึงข้อคิด มุมมองแปลกๆของหนังสั้น หรือมุมภาพ เสียงประกอบ อะไรก็ได้ที่มันแตกต่างจากหนังตลาดที่พล็อตซ้ำๆ องค์ประกอบเดิมๆ แต่ปรากฎว่าสิ่งที่ได้คือ ได้รู้ว่ามันยังห่วยแตกเหมือนเดิม รวมๆก่อน


- ภาพหนังเรื่องนี้ทั้งที่เป็นผู้กำกับคนละคนกัน แต่ภาพออกมาโทนเดียวกันซะเป็นส่วนมาก คือมืดๆดำๆหน่อย จัดของมาวางเบลอๆข้างนหน้าหน่อย อีกแปปก็ไปเบลอหลัง ไม่รู้หรอกนะว่าในทางเทคนิคมันต่างกันมั้ย แต่สำหรับคนดูอย่างเรามันเหมือนกัน เหมือน....การแต่งรูปด้วย Smart phone แล้วอยากได้ภาพดราม่า เลยเข้า app snapseed แล้วเลือก filter drama dark1 แบบนั้นเลย~
- เสียง…ทั้งดนตรีประกอบ บทพูด เอฟเฟค มันดังพอๆกัน ก้องไปหมด บางฉากเข้าขั้นน่ารำคาญ
- เนื้อหา ออกมาได้ห่วยกว่าเรื่องย่อ เอาเรื่องย่อนี้ไปขยายความเขียนเป็นหนังสือซักเล่ม คงจะเวิร์คกว่า



FAY “เฟย์” - "I am not what I once used to be! I am what I am"
“ชีวิตของเฟย์ ถูกถ่ายทอด ผ่านเรื่องราว คำบอกเล่า หลากหลายแง่มุม จากคนสำคัญในชีวิตเฟย์ จิ๊กซอว์ชิ้นเล็กๆ ค่อยๆต่อเติมประกอบกันเป็นโลกของเฟย์ โลกที่เคยดับไปของพิม ในมุมที่พิมไม่เคยรู้.....และบางที “สิ่งที่เห็นอาจไม่เหมือนอย่างสิ่งที่เป็น”


วิธีการเล่าเรื่องจากการสัมภาษณ์คนรอบตัวแล้วค่อยๆเผยถึงตัวตนของคนๆหนึ่งในแง่มุมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นวิธีการที่มีหนังเรื่องอื่นเคยทำมาแล้วมากมาย บางเรื่องพอยิ่งได้รู้ยิ่งอึ้ง แต่เรื่องนี้กี่คนกี่คนเล่าออกมามันก็ไอแง่มุมเดิมๆ ไม่ได้ข้อมูลไรเพิ่มเลย แถมพล็อตของเฟย์เองยังเบสิคมากอีก...เฟย์กับแฟนคบกันตั้งแต่เรียนมหาลัย พอเข้าวงการบันเทิงก็ไม่มีเวลาให้กัน จนแฟนไปคบคนอื่น เฟย์เลยกลายเป็นเลส+ขี้เมาติดยา แล้ววันนึงก็โดนคู่เลสทิ้ง 
ทุกคนเล่าออกมาก็ไม่พ้นตรงนี้ไม่ได้เห็นแง่อื่นว่า เคยหวานมั้ย เคยเป็นคนอบอุ่นนะ มุ่งมันกับงานนะ ไม่มีเล้ยยยยย แล้วอยู่ๆก็มาหักมุมตอนจบแบบงงๆว่าเฟย์มีคนหน้าเหมือน (ซึ่งเป็นญาติหรือแค่เหมือนก็ไม่รู้) แล้วตกลงคนที่ตายที่เฟย์หรือคนนั้น หรือใครสวมรอยใคร ดูไม่รู้เรื่องเลย

ใช้ภาพดาร์คๆกับภาพสีวิ้งๆตอนฉากเมาฉากจูบ วิธีนำเสนอจำเจมาก หนังแบบนี้ใช้ภาพแบบนี้ซัก 80% มั้ง (ฉากจูบก็นานเกิ๊น ไม่ได้ชวนสยิวเลย น่าเบื่อมาก) ใช้ฉากจบการสัมภาษณ์แต่ละคนแบบซ้ำกันให้รู้สึกเดจาวู แต่ไม่รู้สึกอะนะ ดูจบแล้วก็...ไม่ได้อะไร...ดูให้งงเล่น..ว่าแกจะหักมุม..ให้กูรู้เรื่องกว่านี้ได้มั้ย....

“ถ้า/เกิด/ว่า” - "It's not where you are from. It's where are you at."
ผกก.คนเดียวกับ coffee please!!! มิน่าเล่า...เนื้อเรื่องเกือบจะดี..ภาพสวยกว่าเรื่องอื่น ออกสว่างกว่ากัน สไตล์หนัง feel good แต่พอลงรายละเอียดอ่อน..มากกกก ใส่ใจบทพูดกับการกำกับการแสด
งให้มากกว่านี้ได้มั้ย


บทคนหนุ่มในร่างคนแก่เนี่ย ดูไม่รู้เลยว่าเป็นแบบนั้น มันเหมือนดูลุงแก่ๆเดิมๆอยู่ เรื่องแสดงไม่เก่งก็อย่างนึงนะ แต่บทเนี่ย~ คนหนุ่มที่ไหนเค้าพูดกันว่า “เอ็งกับข้า” เหรอวะคะ แล้วพอดูไปซักพักใหญ่ อยู่ๆก็เหมือนผกก.คิดได้ว่า เฮ้ย!!มันต้องดูเป็นวัยรุ่นในร่างคนแก่นี่หว่า มันต้องให้ลุงทำอะไรดูขัดกะความแก่หน่อย เอ้า ใส่ภาษาจ๊าบๆลงไป ให้ทำท่าตลกๆซิ...แล้วซักพักก็ลืม เขียนบทพูดแบบคนแก่มาเหมือนเดิม.....อีกบทที่บัดซบมากคือบทลูกเขยของลุง เล่นแข็งมากกกกกก โดยเฉพาะประโยค “ เอ่อ...ผมเกรงว่า” ใครไปดูแล้วไม่สะดุดกับประโยคนี้ให้เตะเลย

ทางด้านลุงในร่างของหนุ่มยิ่งไปกันใหญ่ หนังไม่ถ่ายถึงซักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนกลายเป็นคนสำมะเลเทเมาซะงั้น ทั้งๆที่หนังบอกว่า 2 คนต่างรู้ความหมายของชีวิตมากขึ้น แต่นี่ลุงแกกลับแย่กว่าเดิม จากคนที่ผ่านชีวิตที่ผิดพลาดมาแล้ว เรียนรู้ความผิดพลาดของตนเอง จนปรับปรุงตัวมาทำไร่ทำประโยชน์แก่สังคม พอกลับเป็นหนุ่มปุ๊บ เหลวแหลกกว่าเดิม...คือมันไม่ใช่ป่าววะเนี่ย ต่างคนควรจะต่างทำให้ชีวิตของอีกคนดีขึ้นสิ ตกลงแกไปก๊อปพล็อตชาวบ้านเค้ามาผสมกันอีกแล้วใช่มั้ย???


“เงา” - "The shadow is the dark side of human nature"
เนื้อเรื่องก็เกือบจะดี คือทางด้านเมียก็ให้เค้าหาเลี้ยงแล้วยังเอาแต่บ่น กดขี่ผัวอีกน่ารำคาญ โดนทิ้งก็สมควร แต่เหตุผลทางด้านผัวมันมั่วไป หนังพยายามบอกว่าผัวนี่เป็นชายที่โดนหญิงกดขี่ อยู่บ้านเจอเมียด่า
 อยู่รร.เจอผอ.หญิงด่าแถมกดไม่ให้เจริญ จนไม่มีความมั่นใจในตัวเอง จนเก็บกดต้องไประบายออกกับโสเภณีใบ้ พอได้เป็นฝ่ายกดขี่แล้วมีความมั่นใจ จนเจริญก้าวหน้าทางการงาน


จริงๆทางผัวเนี่ย มันขาดความรับผิดชอบเองอยู่แล้ว ทางผอ.รร.ให้โอกาสตลอด แต่ทำพังเองตลอด สิ่งที่หนังพยายามจะสื่อกับสิ่งที่ได้เห็นมันก็เลยขัดๆกัน บทพูดโยนมาว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายผิดในทุกเรื่องเลย ทั้งเรื่องเมียเรื่องผัว หนังบ้าอะไรเหยียดเพศชะมัด โชว์นมกันไปหลายฉาก ตั๋วหนัง/โปสเตอร์เองก็เอาเมียซึ่งในเรื่องแต่งตัวเรียบร้อยมาแก้ผ้าเรียกแขก บ้าบอจริงๆเลย

แต่บทพูดสอนของตำรวจเรื่องนี้เนียนกว่าเรื่อง ถ้าเกิด/ว่า ซึ่งจะสอนโพล่งอะไรกันนักก็ไม่รู้
จบการระบายแต่เพียงเท่านี้ คาดว่าจะงดดูหนังไทยไปพักใหญ่ๆ ถ้าไม่บังเิอิญได้ตั๋วฟรี....



21 Oct 2013
Lido

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น