เรื่องราวภาคสองของฝูงวานรนำโดยซีซ่าร์ วานรที่ได้รับการทดลองและเลี้ยงดูจนฉลาดและปลดปล่อยวานรทั้งหลายให้เป็นอิสระในภาคแรก Rise of the Planet of the Apes เหตุการณ์ในภาค2นี้เกิดขึ้นหลังจากภาคแรก10ปี มนุษย์ติดเชื้อจากวานรจนล้มหายตายจากไปจากโลกนี้จนแทบสูญพันธ์ ส่วนวานรกลับมีวิวัฒนาการ ตั้งถิ่นฐานเพิ่มจำนวนขึ้นมา ภาคนี้จึงเป็นทั้งจุดเชื่อมต่อจากภาคแรกที่ได้รับอิสระมาและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้โลกกลายเป็นที่อยู่ของวานรแทนมนุษย์
ตอนแรกมีชื่อว่า Spread of Simian Flu: Before the Dawn of the Apes (Year 1)เล่าเหตุการณ์หนึ่งปีแรกหลังจากการแพร่ของไวรัสซีเมี่ยน ผ่านครอบครัวหนึ่งที่แม่ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัส เธอจึงต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องกักกันโรค แยกจากสามีและลูกสาวโดยมีกระจกกั้นกลาง
ตอนที่สองชื่อ Struggling to Survive: Before the Dawn of the Apes (Year 5) เล่าถึงปีที่ห้าที่มนุษย์ตายเกือบหมดแล้ว เด็กวัยรุ่นกำพร้าคนหนึ่งต้องหาทางเอาตัวรอดด้วยการขโมยของจากบ้านของคนตาย เพื่อเอาไปแลกเปลี่ยน
และตอนสุดท้าย Story of the Gun: Before the Dawn of the Apes (Year 10) เล่าเรื่องการเดินทางของปืนลูกซองที่ผ่านมือมนุษย์โชคร้ายหลายต่อหลายคน ขณะที่ไวรัสกำลังระบาดไปทั่วโลก
ดูมาแล้วเป็นยังไง......หนังหนักไปทางดราม่ามากกว่าแอคชั่นนะ แอคชั่นก็ทำได้ดีตื่นเต้นเร้าใจ แต่ใช้เวลาไปในส่วนดราม่ามากกว่า เนื้อหาค่อนข้างเข้มข้น แสดงให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันในสังคม ความเป็นผู้นำ ความสัมพันธ์ของพ่อ-ลูก ของทั้งมนุษย์และวานร ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็แทบจะไม่แตกต่างกัน และจุดแตกหักที่ทำให้ทั้ง 2 เผ่าพันธ์ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ หนังให้ข้อคิดที่ดีทีเดียว ถึงแม้จะต้องทนรำคาญบลูอายลูกชายของซีซ่าร์อยู่บ้างก็ตาม
ตัวอย่าง motion capture ภาพจาก Mthai |
การแสดงของทางฝั่งลิง แสดงดีโดดเด่นกว่าทางมนุษย์ ยิ่งได้เทคนิคโมชั่นแคปเจอร์มาช่วย ยิ่งทำให้สีหน้าท่าทางดูสมจริง แววตาสื่ออารมณ์ได้สุดๆ ภาษาที่ใช้ก็ใช้ทั้งภาษามือ ภาษาลิง ภาษามนุษย์ ผสมๆกันไป บางครั้งก็งงว่าอยู่ในฝูงลิงจะพูดเป็นภาษามนุษย์ทำไม แต่เรื่องภาษานี่ก็เป็นการบ่งชี้ในเรื่องการยอมรับในนตัวของอีกคนนึงในฉากๆหนึ่งด้วย
ชอบภาษาท่าทางที่ยื่นมือให้อีกฝ่ายเพื่อเป็นการแสดงถึง การยอมรับและการให้อภัยด้วย หนังใช้บ่อยๆในหลายๆรูปแบบ ซึ่งเพียงแค่เห็นท่าทางเราก็เข้าใจได้ถึงรูปแบบความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่าย
ภาพ CG เนียนตา ไม่ดูหลอก 3Dก็เป็นธรรมชาติแนวลึกไม่ขัดตา ที่เด่นอีกอย่างคือการใช้ภาพมุมกว้างในบางฉาก
รวมๆแล้วก็ดูสนุกได้ข้อคิด กดดันแทบจะตลอดเวลาไม่น่าเบื่อ (แต่ก็มีคนที่ดูแล้วบอกว่าเบื่อตั้งแต่แรกเหมือนกันนะคะ 1 ใน 100 )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น