วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : 3 Days To Kill | 3 วันโคตรอันตราย

3 Days To Kill | 3 วันโคตรอันตราย

เรื่องนี้ไม่ใช่หนังบู๊นะ ขอเน้นไว้ก่อนเลย
เป็นหนังครอบครัวปนบู๊และขำน่ารักๆ ที่ทำออกมาลงตัวไม่น่าเบื่อ ดีกว่าหนังที่เอาดาราบู๊รุ่นเก๊าที่แก่เกินบู๊มาชูขายเรื่องอื่นๆที่สร้างแบบน่าเบื่อโคตรแล้วมามีฉากบู๊แค่หนสองหนไรงี้

เรื่องกล่าวถึงอีธาน(เควิน คอสเนอร์) ซีไอเอระดับเทพเรื่องการฆ่าคน แต่ดันพบว่าตัวเองเป็นโรคร้ายแรง เลยอยากจะเกษียณตัวเองไปหาลูกเมียที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ ไม่ค่อยได้ดูแล แล้วดั๊นมีข้อเสนอให้ทำงานอีกจ๊อบแลกกับยาที่อาจช่วยชีวิตเค้าได้ อีธานเลยต้องวุ่นวายกับการทำภารกิจให้ลุล่วงไปพร้อมกับการปรับความเข้าใจกับลูกสาว

เรื่องเน้นไปที่การทำความเข้าใจกับลูกสาวที่ขาดความอบอุ่นแถมยังอยู่ในวัยต่อต้านเป็นหลัก โดยมีผู้คนรอบข้างอีธาน(ที่อีธานได้รู้จักแบบแปลกๆ) เป็นผู้สอนให้เข้าใจถึงความอบอุ่นของครอบครัว สลับตัดฉากไปกับการทำภารกิจไล่ล่าเป้าหมาย โทนหนังออกมาแบบเดียวกับตัวอย่างเด๊ะๆ ถ้าใครดูตัวอย่างแล้วชอบ ดูเรื่องนี้น่าจะยิ่งชอบมากขึ้น

บางฉากซึ้งเบาๆแอบน้ำตาซึมเลย ทั้งๆที่เค้าไม่ได้ขยี้จุดดราม่ามากมาย ไม่ได้ใช้เวลาในฉากนาน แต่ก็ทำให้อิ่มเอมและเอาใจช่วยตาลุงคนนี้ให้ผ่านพ้นภารกิจทั้ง 2 ไปได้

ปล.ชื่อเรื่อง 3 Days to kill ปรากฏทั้งในส่วนของการไล่ฆ่าและส่วนของลูกสาว ลองฟังกันดูนะว่าประโยคนี้โผล่ตรงไหน^^

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เติมรัก กินลม ห่มทราย @ เขากะโหลก ปราณบุรีครั้งที่ 2

เติมรัก กินลม ห่มทราย @ เขากะโหลก ปราณบุรีครั้งที่ 2

ได้เห็นประชาสัมพันธ์กิจกรรมนี้ทางหน้า FB แล้ววาเลนไทน์นี้ก็ตรงกับมาฆบูชาเลยเป็นวันหยุดซะด้วย กิจกรรมน่าสนใจดี ทั้งนั่งรถราง ปลูป่า แรลลี่ หมกทราย แถมรางวัลก็ล่อตาล่อใจเป็นที่พักหรูๆแถวปราณบุรี อย่างเช่น Villa Maroc ของคุณตันที่เรารู้จักกันดี เลยไม่รอช้า โทรไปถามคุณแฟนว่าสนใจไหม เพราะออกแนวใช้แรงงาน ไม่ใช่โรแมนติกใต้แสงเทียนไรงี้ คุณแฟนบอกว่าน่าสนุกดีนะ เพราะงั้นก็เลยโทรไปลงทะเบียนทันที ^^

ตื่นเช้ามาวันวาเลนไทน์แบบง่วงงุน เพราะต้องออกจากบ้านตีห้าครึ่ง เพื่อไปถึงที่วนอุทยานเขากะโหลกก่อน 9 โมงเช้า เราทำหน้าที่ลากตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวและนอนต่อในรถค่ะ ปล่อยแฟนขับยาวไป มาถึง 8 โมงครึ่ง มีเวลาลงทะเบียนสบายๆ ลงทะเบียนแล้วรับเสื้อคู่ละ 4 ตัว (สีขาวไว้ใส่ตอนกลางวันกับสีแดงใส่ตอนกลางคืน) พร้อมขนมและลูกอม ในแพคเกจหวานๆ แล้วเค้าก็แนะนำให้เรารู้จักกับสต๊าฟที่จะมาดูแลเราตลอดวันนี้ สต๊าฟ 1 คนดูแลหลายคู่ค่ะ ของเราชื่อพี่แอน ดูแล 3 คู่



เริ่มออกรถรางตอน 9.30 ที่หน้าวนอุทยานเขากะโหลก รถราง 3 ตอนจุได้(ตามที่นั่ง) 24 คน แต่กิจกรรม 30 คู่ 60 คน ถ้ามาครบรถมีหักค่ะ 555 หลายๆคนต้องยืนรวมถึงเรา แอบได้กลิ่นยางไหม้ด้วยนะ

รถแล่นเลียบหาด จนท.ด้านท่องเที่ยวก็ชี้ให้ดูรีสอร์ทที่เป็นรางวัลคืนนี้ 5 ที่ พร้อมปล่อยไก่ว่า Villa Maroc เป็นของคุณตัน"โออิชิ" ....ไม่มีใครทักท้วง.....แล่นไปได้ 1 ชม.ก็มาถึงจุดลงเรือค่ะ เป็นเหมือนปากแม่น้ำทางเข้าจะเป็นตลาด หลายๆ ตลาด

แยกย้ายขึ้นเรือ
เรือประมงค่ะ ปกติจะมีปลามาขึ้นท่าขายด้วย แต่วันนี้วันพระเค้าเลยไม่ขาย
จุดชมวิว ถ้าขึ้นไปตรงนี้ ดูวิวป่าชายเลนได้ไกลเลยค่ะ
เราก็ลงเรือไปกับกลุ่มของเรา นั่งชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ ผ่านทั้งเรือประมงและป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์มาก อากาศเย็นสบาย นั่งไปพักใหญ่ๆ ก็มาถึงวนอุทยานปราณบุรีแล้วเดินไปตามทางเดินศึกษาธรรมชาติ ทะลุไปถึงจุดที่เราจะได้มาปลูกป่ากันค่ะ จนท.ขุดหลุม และเตรียมต้นไม้กับน้ำให้เราแล้ว เรามีหน้าที่ ยกต้นไม้ไปใส่หลุม กลบดิน และรดน้ำเท่านั้นเอง แต่ปลูกหลายๆต้นก็ได้เหงื่อเหมือนกันนะคะ (เพราะร้อน) 
ตักน้ำๆ
แกะถุงพลาสติก ลงหลุม รดน้ำ

เสร็จก็ถ่ายรูปร่วมกันซักเล็กน้อย แล้วเดินกลับทางเก่าเพื่อไปขึ้นเรือค่ะ แต่ยังไม่ได้กลับไปที่ท่าเรือนะ เราไปต่อกันที่ ศูนย์ศึกษาชายเลนสิรินาถราชินี ค่ะ ระหว่างนั่งเรือไปก็คุยกับพี่คนขับเรือ เค้าบอกว่า ณ ตอนที่เรานั่งเรือกันอยู่นี่ น้ำจะสูงประมาณเอวได้ แต่ซักบ่าย 2 น้ำจะแห้งจนเดินได้ ถ้ามาเองค่าเรือชมวิว 1ชม. เค้าคิด 500 บาท นั่งได้ 8 คนค่ะ 

เราไปถึงศูนย์ศึกษาชายเลนสิรินาถราชินีเกือบๆเที่ยงพอดี โดยขึ้นที่ลานโพธิ์ มีจนท.ของปตท.มารับช่วงต่อ พาไปทานก๋วยเตี๋ยวไก่เป็นอาหารกลางวัน ก่อนที่จะรับฟังคำบรรยายเกี่ยวกับศูนย์ฯ และแรลลี่เพื่อชิงรางวัลที่พัก

การแรลลี่เดินไปเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คู่ มีทั้งเล่นเกมใช้ความรู้และ ใช้แรงค่ะ สนุกดี มีทั้งหมด 6 เกมคือ ต่อจิ๊กซอว์ทายชื่อนก เล่นลอดฮูล่าฮูป บิงโกชื่อพรรณไม้ เรียงห่วงโซ่อาหารในป่าชายเลน ปลูกต้นกล้า และใบ้คำศัพท์ชื่อสัตว์ในป่าชายเลน แรลลี่เสร็จปิดท้ายด้วยทับทิมกรอบ 1 ถ้วยก่อนเดินทางกลับค่ะ


เดินทางโดยรถรางคันเดิมกลับไปที่วนอุทยานเขากะโหลก เพื่อร่วมกิจกรรมห่มทรายกันค่ะ เซเลปงานนี้คือ บอย สิทธิชัย หรือบอย AF3 ที่มาพร้อมกับแฟนให้สมกับเป็นวันแห่งความรัก หลังจากถ่ายรูปหมู่กันแล้วก็ลงไปนั่งรอที่หลุมทรายที่เค้าขุดไว้ได้เลย คนที่ไม่ได้ร่วมงานตั้งแต่เช้าก็สามารถมาร่วมห่มทรายได้ค่ะ 

บอย AF3 และแฟน
รูปหมู่จัดกันอยู่นานเชียว
การห่มทรายนี่ต้องกลบไปถึงคอเลย แล้วรดน้ำด้วยไม่ได้ให้เกินไป แต่ไม่เปียกไปถึงตัวนะ เค้าบอกว่าจะเป็นการบำบัดโรคได้ด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่าหรือแค่เป็นกิิมมิคงาน แต่ทรายที่ปราณละเอียดน่าห่มดีค่ะ พอลุกจากทรายแล้วก็ไปรับตุ๊กตาเที่ยวไทย 1 ตัว ก่อนจะไปพักผ่อนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มาร่วมงานตอนกลางคืน

เริ่มห่มทราย
พิธีกรชาวจีนมั้งนะคะ มาทำรายการ
เพิ่มคำอธิบายภาพ
ต๊กตาสำหรับผู้ห่มทรายเท่านั้นค่ะ
เราไปพักที่ปราณอิงธาร รีสอร์ทของพี่แอนที่เป็นสต๊าฟงาน พี่เค้าคิดค่าห้อง 850 บาท พร้อมอาหารเช้าค่ะ ห้องพักไม่ติดหาด ต้องขับไปไกลพอสมควร แต่ก็สวยสบายดี แนวๆสวยผึ้งเลย 

ปราณอิงธาร แนวสวนผึ้งเลย ห้องน้ำปูนเปลือยด้วย

เรากลับมาที่หาดกันอีกครั้งเพื่อฟังผลรางวัลแรลลี่รีสอร์ทสุดหรู   Le Bay Buri, Villa Maroc, Evason Hua Hin, Foresta Resort และรางวัลปลอบใจจากการจับสลาก ซึ่งอดทุกรางวัลค่ะ ไม่มีดวงๆ เสียใจอยากไปพักรีสอร์ทหรูๆดูบ้าง หลังจากแจกรางวัลก็มีการแสดงดนตรีจาก Pucco ค่ะเพราะๆ ฟังสบายเข้ากับชายหาด ส่วนบอย Af3 มาร้อง 2 เพลงถ้วนและให้แฟนบอยทำเซอไพรส์มอบช่อดอกไม้ให้บอยค่ะ หลังจากนั้นก็ยังมีวงดนตรีอื่นๆอีก ยาวไปทั้งคืน ซื้ออาหารที่มาตั้งโต๊ะขายมาทานไปพลางๆได้ 

กล่าวเปิดงาน (แต่งานเริ่มไปทั้งวันแล้วแหละ)
Pucco
ระหว่างนั่งๆดูอยู่ก็มีคนเอาช็อกโกแลตมาโปรโมตร้านด้วยนะคะ แพคเกจน่ารักเหมาะกับการเป็นของชำร่วยงานแต่งเลย
บอยร้องไป 2 เพลง
เซอไพรส์จากแฟนสาว
วงช่วงดึก
วันรุ่งขึ้น เราตื่นสายๆ มานั่งทานอาหารเช้าและคุยกับพี่แอนซะเกือบ 11 โมงค่ะ พี่แอนคุยเก่งจริงๆ แล้วก็ออกไปชะอำ กะว่าจะแวะงานปูชักซะหน่อย แต่ไปถึงงานยังไม่เริ่มเลย เลยไปสั่งอาหารทะเลริมหาดมากินกันแทนค่ะ

ปีหน้าถ้าวันเวลาได้ และไม่มีกิจกรรมอื่น ก็คงไปที่นี่อีกค่ะ เพื่อจะได้ที่พักกะเค้าบ้าง^^

ขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ และองค์การบริหารส่วนตำบลปากน้ำปราณ ที่จัดกิจกรรมดีๆในครั้งนี้ค่ะ


วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : แก๊งปรี๊ดจะReadใจเธอ

รีวิวหนัง : แก๊งปรี๊ดจะReadใจเธอ

เอาเวลาและเงินที่จะดูเรื่องนี้ไปซื้อ Bakuman ยกเซ็ทมาอ่านเถอะ วันนี้ออกเล่มจบแล้วด้วย คุ้มค่ากว่าเยอะ ถ้าจะให้ดูเรื่องนี้อีกรอบคงต้องจ้างดูแล้ว (ด้วยราคาสูงแลกกับเวลาที่เสียไปและความหงุดหงิดที่ได้มา)

ถ้าเรื่องสร้างเป็นหนังวัยรุ่นที่ยึดแก่นเรื่องว่า "กลุ่มเพื่อนพยายามสร้างหนังตามความใฝ่ฝันและพบสาวที่เป็นแรงบันดาลใจและกลายเป็นความรัก" แค่นั้นคงดี แต่นี่ไม่

รีวิวสปอยแน่ๆเพราะจะด่าไล่ไปเท่าที่จำได้

- ภาพเปิดกับจบเรื่องมุมสูง แตกกระจุยเหมือนใช้กล้องติดของเล่นถ่าย ถ้าเทคโนโลยีมันจะห่วย ก็ไม่ต้องมีอะ ภาพมุมนี้ ไม่มีสาระกับเรื่อง
- จะเปิดเรื่องแบบอาฉีกี่รอบ? จะ"นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ..." กี่รอบ? แนะนำตัวละครอยู่นั่นแหละ น่ารำคาญ
- ผสมลูกเล่นแบบเกม + การ์ตูน โอเว่อร์ๆ เลียนแบบหนังญี่ปุ่นกับหนังไต้หวันที่สร้างจากการ์ตูน?
- ฉากดราม่าก็ปรับภาพมืด แล้วให้พระเอกเดินตากฝนเล่นๆซะงั้น ไม่หนำใจให้แม่มนอนตากฝนเลย เพื่อ?
- นางเอกมืดมน มีข่าวลือแปลกๆ เพื่อนไม่คบ แต่มีความแข็งแกร่งขั้นเมพ เลียนแบบเรื่องไรมาหละ หนุ่มหล่อแปลงโฉมสาวสวย? ซาดาโกะ? 
- ฉากเต๊นท์ริมน้ำแล้วเมาเละเทะ นั่นเลียนแบบ Hang over? หนังวัยรุ่นไม่คิดจะสนับสนุนพฤติกรรมดีๆ ปราศจาก Lกฮ บ้างหรือไง?
- ฉากผีตกตึกคุ้นมาก ก๊อปชัวร์
- ตกลงจะสร้างหนังแนวไหนแน่ วัยรุ่น/รัก/ตลก/ผี???
- ติดต่อนางเอกทางfb line ได้ทุกคน ยกเว้นพระเอกที่นางเอกไม่ค่อยคุยด้วย แล้วพออยากเคลียร์กัน แทนที่จะใช้เพื่อนlineไปเรียก เสือกปลอมตัวบุกเข้ารร.เค้า ปัญญาอ่อนอะ  นี่มันมุกการ์ตูนญี่ปุ่น เอาที่เพิ่งอ่านมาเร็วๆนี้ก็ switch girl
- ครูแร๊พโย่วกับรปภ. เล่นแข็งนรกและมุกฝืดมาก เอาจริงๆฝืดทั้งเรื่อง

เป็นอันว่า ทีมงานหนังเรื่องนี้แม่มบ้าการ์ตูน บ้าเกม และเอาทุกอย่างมายำ รวมทั้งมุกและฉากจากหนังเรื่องอื่นๆด้วย เละเทะและบัดซบมาก


เหมือนด่าไม่ครบ พอละ ไปอ่านการ์ตูนดีกว่า


วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : She Devil

รักเราเขย่าขวัญ She devil

พอตัดส่วนของหนังผีตุ้งแช่และหนังตลกติงต๊อง
 (และหนังล้อเลียน)ออก 
ก็กลายเป็นโฆษณาคอฟฟี่เมท

เอ้ย...เป็นหนังรักที่น่ารักดี

เรื่องราวของหนุ่นเหวินที่โดนคลุมถุงชนให้แต่งกับพลอยสาวสวยแต่เก็บตัว แล้วหลังแต่งจึงได้มาพบว่า พอตกกลางคืนพลอยจะโดนผีสิง แต่เหวินไม่รังเกียจหรือทอดทิ้งพลอย กลับพยายามหาทางช่วยอีกต่างหาก 

พระเอก หรินทร์ สุธรรมจรัส (ดิม tattoo color) ดูเป็นหนุ่มใสซื่อ รักเมียดี ไม่ได้หล่ออะไร แก้มยุ้ยๆกับพุงกลมๆ แต่เข้ากับบทและชุดพื้นเมือง
นางเอก ซีน ปัณณ์ญาณัช จิรโรจน์ธนเกษม หน้าตาดีดูเพลินตา บทพูดน้อยนิด สวยไปวันๆก็เกิดแล้ว (ส่วนตอนกลางคืนหน้าผีเลยไม่สวย) แต่งหน้าลงคอนซีลเลอร์/ไฮไลท์เหนือริมฝีปากบนชัดไปนะ

ชอบอะไร...
- ความรักของพระนางได้ฟิล นุ่มๆเบาๆ เป็นความรักที่ค่อยๆก่อเกิดจากการดูแลเอาใจใส่กัน ถ้าทำเป็นหนังรักไปเลยก็น่าจะดี
- แสดงวีถีชีวิตไทยๆได้ดี ทั้งประเพณี ชุด ฉาก การดำเนินชีวิต
- ไม่แปะโฆษณาชัดเกินดี บางเรื่องแบบ...ชัดมากอย่างกะภาพ3D ว่าแต่คอฟฟี่เมทเป็นสปอนเซอร์รึเปล่า พอใช้เพลงนี้ "ความรัก" ประกอบยังไงๆมันก็นึกถึงคอฟฟี่เมทนะ ยิ่งมีภาพท้องทุ่ง ดอกหญ้า สายลม แสงแดด หญิงสาวผมยาวพริ้วๆ มันใช่เลย



ไม่ชอบอะไร....
- อย่างแรกเลย เรื่องย่อมั่วนะคะ แก่นเรื่องน่ะถูก แต่ที่เหลือมั่วชิบ ใครเขียน?
- มุมกล้องแคบไป โดยเฉพาะช่วงแรกๆ แคบจนอึดอัด คนคุยกัน 4 คน หัวหายไปซะ 2 ฉากซูมปากแม่พระเอกนี่ไม่ไหว น่าเกลียดเกิด บางภาพก็ซูมอินจนภาพหลุดโ
- บทมั่วเยอะ (สปอยเบาๆ) ตอนฝันดีถ่ายรูปผีจากมุมตรงรูปออกมาเป็นมุมบนซะฉิบ ผีใต้เตียงมือมาด้านหน้า แต่หัวมาด้านข้าง ผีแค่เข้าสิงไม่ใช่เรอะ แล้วผีจะไปโผล่ตรงโน้นตรงนี้แบบปัญญาอ่อนเกินไปป่าว ห้องน้ำงี้ ไปดมอี้เหรอ?
ฟกัส
- ผีนี่กำหนดธีมได้รึยัง ในเรื่องย่อบอกผีตาดำสนิท ฉากแรกๆมาตาแดงแบบใส่คอนแทคเลนส์วงแดง-ดำ(ถ้ามีลายหยดน้ำด้วยจะกลายเป็นเนตรวงแหวน) พอฉากต่อไปตาขาวซะแล้ว
- ฉากที่โรงแรม ตัดทิ้งไปทั้งฉากเลยก็ได้ มั่วเกินทำให้หนังหลุดกรอบ เอาเวลาไปยืดบทของพระนางเถอะ เหมือนหมดมุกไม่รู้จะสร้างผีหลอกยังไงดี เลยเปลี่ยนสถานที่ให้ผีมีที่โผล่ซะอย่างนั้น
- เณรที่โผล่มาก็งงมาก (ซับภาษาอังกฤษอ่านไม่ทัน เหมือนจะใช้ buddha novice นึกถึงเกมแรคน่าร๊อคไปพักนึงเลย) ผีก็งงมากช่วยเค้าไว้ตอนเด็กแล้วพอโตจะฆ่าเค้า ไรของแก - -"

24 Feb 2014
Cinema 8
Central Ladprao

รีวิวหนัง : Saving Mr.Banks

Saving Mr.Banks

อาร์ตตัวแม่ เชิดชูดิสนีย์ ดราม่าอันซาบซึ้ง และบทเพลงเพราะ

หนังออกมาตามตัวอย่างหนังเป๊ะ ตอนดูตัวอย่าง เราคิดว่ามันจะเป็นการเล่าสลับฉากระหว่างการตื้อของวอลท์ ดิสนีย์เพื่อซื้อลิขสิทธิ์แมรี่ ป๊อปปิ้น( Mary Poppins) มาทำเป็นหนัง และฉากเรื่องราวชีวิตในอดีตของเจ้าของเรื่อง(พาเมล่า) และหนังก็ทำออกมาเช่นนั้นจริงๆ ด้วยจังหวะที่ลงตัว ของเหตุการณ์ในปัจจุบันที่ส่งผลให้พาเมล่าคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่แสนเจ็บปวดและยังฝังใจเธอจนทุกวันนี้ อดีตที่ฉุดรั้งเธอไว้ไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า

หนังเริ่มต้นเรื่องด้วยเพลงเพราะๆ Chim Chim Cheree (East wind) ได้อารมณ์วอลท์ ดิสนีย์ คลาสิคมากกกกกก ชอบเพลงนี้ที่สุด มีฉากสวยๆของบ้านเรือน และครอบครัวอันอบอุ่นน่ารัก ซึ่งในภายหลังกลับต้องเผชิญปัญหาหนัก

สลับฉากกับการดูชาวดิสนีย์รับมือกับอาร์ตตัวแม่แสดงโดย Emma Thompson ซึ่งนิสัยนางนี่ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ ณ จุดนี้นักแสดงแสดงได้ดีมาก พูดเหมือนตัวจริงเป๊ะ(มีเทปเสียงของตัวจริงให้ฟังตอนหนังจบ) นิสัยนางน่ารำคาญโคตรๆแต่พอดูไปเรื่อยๆก็หลงรักนางนะ

หนังส่วนนี้เล่าออกมาได้ดูสบายๆผสมกับดนตรีสไตล์ดิสนีย์โดย Sherman brothers

ได้ดูการเชิดชูวอลท์ ดิสนี่ย์ผ่านการดูการทำงานให้ได้ออกมาเป็นหนังเรื่องนึง ทำงานอย่างจริงจังกลับดึก ทุ่มเทและสนุกไปกับมัน พร้อมกับย้ำจุดยืนว่าไม่ได้สร้างโลกแห่งวอลท์ ดิสนีย์มาเพื่อเงิน แต่เพื่อรอยยิ้มของทุกคน สร้างความฝันของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ให้โลดแล่นออกมาสู่สายตา และเปลี่ยนความเศร้าให้กลายเป็นความหวังผ่านจินตนาการและการเล่าเรื่อง โดยได้ Tom Hanks มาแสดงเป็นวอลท์ ดิสนีย์ เค้าเข้ากับบทมากชนิดที่ถ้าไม่ใช่เค้าแสดงก็ไม่รู้ว่าควรจะเป็นใครแล้ว

หนังดูเรียบๆแต่ซาบซึ้ง ชอบฉากเพลง Let's go fly a kite กับฉากนางไปดูหนังรอบพรีเมียร์เป็นพิเศษ ^^

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : Pompeii

Pompeii หรือที่ถูกขนาดนามว่า "ไททานิคบนดิน"
เรื่องราวของความรักต่างชนชั้น รักสามเส้า การแก้แค้น  ที่เกิดในช่วงที่อภิมหาภูเขาไฟระเบิดทำลายล้างเมืองปอมเปอีทั้งเมือง บางคนก็ทำเรื่องโง่ๆเปลืองเวลาในการหลบหนีจากโคตรภูเขาไฟลูกนี้อีกต่างหาก

หนังตามสูตร สปอยอยู่บนโปสเตอร์หนังอยู่แล้วด้วย
ช่วงแรกเรื่อยๆ จนกลางๆจะเริ่มได้ลุ้นกันบ่อยหน่อยละ เรื่องเน้นฉากสู้กัน รองลงมาเป็นเรื่องความรักของพระนาง เบาๆเค้าเพิ่งมีเวลารู้จักกันแปปเดียวอะนะ

เราได้ดูเป็น 2D ถ้าเป็น 3D ตรงเถ้าภูเขาไฟน่าจะสวยอยู่ แต่ฉากอื่นงั้นๆ การจัดวางองค์ประกอบภาพไม่ดีเลย ไม่มีฉากที่เห็นแล้วสวยตรึงตาอะไร แม้กระทั้งฉากที่หยุดภาพ รู้สึกขาดอีกนิดจะสวยตลอดเวลา หรือถ้าดู 3D จะสวยพอดีกันนะ?

สู้กันหนัก ตายเป็นเบือ แต่งกเลือดมาก ทั้งเรื่องน่าจะใช้ไม่เกิน 1 ลิตร ใช้มุมกล้องช่วยบังฉากฆ่าเยอะเลยด้วย ทำให้อารมณ์ไม่ค่อยถึง (แต่ขนาดนี้ป้าคนข้างๆยัง "เอ้ย,อุ้ย,ว้าย,อิ๊ฯ" ถี่มากๆแถมยังมานั่งเม้าวิจารณ์ตอนดูอีก "เหมือนสู้ในโคโลเซียมเลยอะเธอว์" เลยต้องหันไปแจ้งให้เบาๆนิดนึง เฮ่อ.......)

ชอบนางเอก ตัวเล็กๆบอบบางแต่เด็ดเดี่ยวชะมัด แม่นางและสาวคนสนิทด้วย สวยทั้ง 3 นาง พ่อแม่นางก็เล่นดีนะ บทน่าจะมีมิติที่สุดในเรื่องละ ค่อนข้างชอบมาก แต่สงสัยว่าเพราะนางเอกเตี้ย พระเอกเลยเลือกมาเตี้ยตามรึเปล่า หรือเพราะพระเอกเตี้ยเลยเลือกนางเอกเตี้ยๆให้สมดุล -_-; คือ...พระเอกตัวเล็กเกินกว่าจะเชื่อได้ว่านี่คือนักสู้ที่แข็งแกร่ง และหล่อล่ำจนนางเอกหลงรัก

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : Timeline จดหมาย...ความทรงจำ

ว่าจะไม่ร้องไห้เแล้วเชียวนะ แต่สุดท้ายก็ร้อง...
ไม่ได้ดูหนังไทยดีๆมานานแล้ว เรื่องนี้ภาพสวย บทดี ดู แสดงดี ดูใส่ใจรายละเอียดกว่าหนังไทยเรื่องอื่นๆ
เนื้อเรื่องว่าด้วย แทน (เจมส์จิ) ลูกชายของ มัท(ป๊อก ปิยธิดา)ภรรยาหม้ายเจ้าของไร่สตรอเบอร์รี่ ที่ไม่อยากทำไร่ตามรอยพ่อแต่อยากไปเรียนที่กรุงเทพฯแทนจึงได้พบกับ จูน(เต้ย จรินทร์พร) เพื่อนที่มหาวิทยาลัยผู้มีความใฝ่ฝันและเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนต่างกับแทน....
เนื้อหาหลายช่วงจะนำเสนอเรื่องราวเดียวกันผ่าน 2 ตัวละครคือ มัท-จูน และ แทน-เจ้ากระป๋อง ซึ่งก็แสดงได้ดีทุกคน ยกเว้นเจ้ากระป๋องที่ยังแสดงไม่เหงาพอ....
เจมส์จิ ใสซื่อเหมาะกับบทบ้านนอกเข้ากรุงและลูกหมาน้อยกระดิกหางวิ่งตามหญิงสุดๆ แต่...อ้วนไปนะคะลูก...ก่อนจะไปชุบตัวที่โคเรีย ทำไมไม่เข้าฟิตเนสฟิตหุ่นก่อนหละ
ป๊อก ปิยธิดา แสดงดี ดราม่ามาก แค่เสียงอย่างเดียวก็เรียกน้ำตาสุดๆแล้ว ดูเป็นหญิงอ่อนไหวอ่อนแอ ซึ่งถ้าเธอมีแค่ความนุ่มนิ่มอ่อนแอ เราจะเกลียดบทนี้มาก แต่เธอกลับมีความเข้มแข็งมากพอๆกัน เลยทำให้รักเธอแทน
เต้ย จรินทร์พร เล่นดีเหมาะกับบท แสดงออกมาแบบเพื่อนหญิงที่แอบรักข้างเดียวเป็นกันจริงๆ ทั้งแอบร้องไห้ รีบปาดน้ำตา กลั้นน้ำตา ฝืนยิ้ม ตรงใจเลย
ชอบอะไรอีก.....
- ที่เค้าให้เจมส์จิไหว้ตลอด ดูใส่ใจเหมือนตอนดูหนังญี่ปุ่นแล้วเค้าโค้งตลอดเรื่อง (ลองดู Like father, Like sonได้)
- แฝงโฆษณาได้ดีกว่าหนังไทยเรื่องอื่น เรื่องอื่นนี่วางของสปอนเซอร์เป็นแผงเลย แต่เรื่องนี้ใส่มาเป็นฉากเนียนๆยี่ห้อไม่ชัดด้วบ เพราะถ่ายแบบโฟกัสแค่นักแสดง
ไม่ชอบอะไรบ้าง....
- ภาพเบลอๆจริงๆสวยนะ แต่มากเกินก็รำคาญ โดยเฉพาะฉากที่สลับโฟกัสระหว่างเต้ยกับเจมส์จิ บางฉาก ฉากหลังสวย อยากดูไง ดันเบลอซะเกลี้ยง
- ภาพline จดหมาย เบลอไปบ้าง เล็กเกินไปบ้าง อ่านยากจนถึงอ่านไม่ออก แย่เลย
เกลียด...มุก "ทอดกล้วย" โดดมาฉากเดียว อุบาทว์จริงๆ
บ่นปนสปอย...
- ฉากขึ้นเรือนี่มั่วไปนะ ไปไหนไม่รู้ขอขึ้นแล้ว เค้าจะค้างกันกลางทะเลกี่คืนก็ไม่รู้  แล้วไปบอกจุดหมายกลางทาง นี่มันเรือประมงนะเธอ ไม่ใช่เรือเหมา แล้ว...พูดญี่ปุ่นได้ตลอดยกเว้นคำว่า ดาว กับ ทะเล เพื่อ??
- มัทยังไม่ทันบังคับอะไรเลย แทนจะเหวี่ยงขนาดนั้นเพื่อ?? ถึงจะหงุดหงิดสาวมาแต่ดูเหวี่ยงนอกเรื่องเกิ๊น
- ตอนจบเลย แนวทางที่เจมส์จิเลือกสำหรับอนาคต แบบ...เข้าใจนะว่าทำไมผกก.ถึงเลือกแนวนี้ ว่าอยากให้แทนคิดเหมือนมัท ทำตามฝันของคนที่รัก แต่ในด้านแง่คิดต่อคนดู มันไม่ค่อยโอเคมั้ย แทนที่แทนจะได้ไปวาดรูปหรืออะไรต่อ...

รีวิวหนัง : Endless love

♡♡ Endless love คุณจะสู้เพื่อรักมั้ย? ♡♡

หนังรักหวานเยิ้ม น่ารักมุ้งมิ้ง ค่อยๆดราม่าหนักขึ้นระหว่างเรื่อง เหมาะสำหรับควงคู่กันไปดูวันวาเลนไทน์

เป็นเรื่องราวความรักของ "เจด" สาวน้อยที่แสนจะเพอเฟค สวย เรียนเก่งและรวย แต่กลับเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร ไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่ เพราะพี่ชายเสียชีวิตไป กับ "เดวิด" ชายหนุ่มแสนดีแต่ยากจนซึ่งหลงรักเธอมานาน แม้จะมีโอกาสได้รักกับเจด แต่กลับต้องโดนพ่อของเจดขัดขวาง แล้วเค้าจะยอมสู้เพื่อรักนี้มั้ยหรือจะปล่อยให้เธอหลุดมือไป..

ชอบหนังเรื่องนี้นะ ความรักของเดวิด(Alex Pettyfer) และ เจด(Gabriella Wilde) ช่างสดใสจริงๆ ดูแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ สาวเจดใสซื่อและสนุกไปกับประสบการณ์ใหม่ๆที่เดวิดมอบให้ เดวิดก็ดูแลเจดเป็นอย่างดี ทั้งยังพยายามปรับตัวเข้าหาครอบครัว เป็นหนุ่มในฝันที่ชวนหลงรัก ตัวละครอื่นๆก็อบอุ่นน่ารัก ทุกคนแสดงดี ตาเป็นประกายวิบๆน่ามอง โดยเฉพาะเจด นางขนตาสวยดี

หนังสะท้อนปัญหาที่แฝงอยู่ในหลายๆครอบครัวออกมาเบาๆ จุดจบของปัญหาอาจจะไม่ได้เพอเฟค 100% แต่ก็ดูเป็นความจริงดี เพราะชีวิตมันไม่ง่ายเหมือนนิยายจริงๆนั่นแหละ ไม่มีซะหละ Happily ever after แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี :)

เนื้อเรื่องไม่เว่อร์จนน่ารำคาญ การกระทำของแต่ละคนดูเป็นคนปกติดี แม้พ่อของเจดหลังๆจะทำเกินไปหน่อย แต่ถ้าคิดถึงหัวอกของคนเป็นพ่อซึ่งตั้งความหวังกับอนาคตของลูกๆไว้สูงแต่กลับต้องมาเสียลูกชายคนโตไป แล้วลูกสาวที่เป็นความหวังสุดท้ายจะมาคบหนุ่มรากหญ้า ก็พอเข้าใจนะ


ไม่ชอบอะไร....บางทีแบบมุกโบราณเกินไง ดูโรแมนติคนะ แต่พวกเธอมีโทรศัพท์กันไม่ใช่เรอะ ไอ้ฉากวิ่งไล่ตามกันนี่ลองโทรหาก่อนมั้ยจ๊ะ...ไม่ก็เดินเรื่องนำมานิดว่าแบตหมดก็ได้...วิธีจบเรื่องโดยการพูดซ้ำประโยคเดิมๆโดยเจดอารมณ์ไม่ค่อยได้ 

วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : I, Frankenstein

เรื่องย่อ
"อดัม" ถูก นักวิทยาศาสตร์นามว่า"แฟรงเกนสไตน์" สร้างขึ้นมาจากซากศพ เขามีชีวิตยืนยาว ไม่ไว้ใจมนุษย์ กากอยซึ่งปกป้องมนุษย์รังเกียจ และถูกปีศาจตามล่า ไปๆมาๆเค้าก็มาอยู่ท่ามกลางการต่อสู้เพื่อหยุดยั้งการทำลายล้างโลกซะงั้น

วันนี้มาดูไกลนิดนึงค่ะ หนังจะออกโรงอยู่รอมร่อละ แถวบ้านมีแต่พากย์ไทยแล้ว ต้องถ่อมาถึงนี่ ตรงใจกลางเมืองก็มีแต่ Imax กับ 4DX ซึ่งใช้ voucher ไม่ได้ หลายคนบอกว่าไม่เวิร์คเลยไม่อยากจ่ายแพงแหะๆ

พอดูรวมๆก็โอเคนะ สนุกอยู่ดูได้เพลินๆเรื่อยๆ ภาพไม่กาก(ดู2D) แต่เรื่่องรวบรัดไปหน่อย เลยไม่อิน การกระทำแต่ละคนโดยเฉพาะทีมการ์กอยกับพระเอกแลดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล แต่ทีมปีศาจนี่โอเคมาก ชอบตอนกากอยตายนะ แสงพุ่งๆเก๋ๆ

หนังเปิดช่องให้ต่อภาค 2 ไว้นะ แต่จะสร้างมั้ย อันนี้ไม่รู้ค่ะคุณ
รีวิวหนัง : I, Frankenstein

ไม่สมเหตุสมผลยังไง รวบรัดยังไง มาๆจะเล่าให้ฟัง (สปอย)

- เรื่องเดินไวมาก ตัวหลักแปปๆตาย นี่พวกแกไม่เก่งกันหรอกเหรอ กากอยหลักๆจะตายกี่ตัวก็ไม่รู้สึกอะไร ใครผูกพันกะใครก็ไม่ทันรู้สึก
- อดัมไม่ไว้ใจมนุษย์ ทำเหมือนไม่แยแส แต่ไปๆมาๆดูจะห่วงมนุษย์มากกว่าทางกากอยห่วงอีก
- อดัมเกลียดแฟรงเกนสไตน์มากแท้ๆ ไปๆมาๆอ้าวยอมรับเค้าเป็นพ่อละ หนังรวบรัดเกิ๊น เข้าไม่ถึงอารมณ์อดัมเลย อยากจะสื่อประมาณว่า โดนพ่อหักหลังเลยทั้งรักทั้งชัง สุดท้ายยอมรับผู้พ่ออะไรงี้ปะ??
- อดัม..จะเลือกอาวุธไม่มีคมมาเพื่อ?? ใช้แบบมีคมปาดๆไปก็ตายละบ้าป่าว แล้วกากอยที่ว่าอดัมเลือกอาวุธเทอะทะ ทางพวกตัวเองก็เทอะทะเถอะ
- พูดเหมือนสงครามใหญ่ล้างเผ่าพันธ์ แต่ต่อสู้กันกระจุ๋งกระจิ๋งมาก อย่างกะเด็กตีกัน เรื่องรวบรัด ไม่ได้บิ้วให้เรารู้สึกว่ามนุษย์กำลังจะโดนล้างเผ่าพันธ์เลย 
- กากอยห้ามอดัมออกไปสู้ เพราะมันโฉ่งฉ่างไป กลัวมนุษย์เห็น แต่ตัวเองนี่สู้เต็มที่เลย บินว่อนเต็มท้องฟ้า แสงพุ่งฟิ้วๆ ไม่มีใครเห็นเลยจ้า แหม่~
- กากอยนี่หายใจทิ้งไปวันๆเหรอ ศูนย์บัญชาการปีศาจอยู่ห่างไป 1 ช่วงตึกยังไม่รู้เรื่อง แถมใช้ชีวิตด๋อยๆโบราณไม่มีการพัฒนา ในขณะที่ทางปีศาจนี่สมัยใหม่มาก เป็นนักธุรกิจ กิจการรุ่งเรือง (จริงๆแทบทุกเรื่องเป็นแบบนี้อะนะ) รู้จักใช้วิทยาศาสตร์ สุดๆอะ แอบเชียร์ปีศาจเลย เจ๋งกว่าเห็นๆ แต่ถ้าปีศาจจะหัดใช้อาวุธอย่างพวกปืน ระเบิดด้วย ป่านนี้กากอยสูญพันธ์ไปละ (หรือแค่มาบุกจริงจังซักครั้งก็เรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ดูจากปริมาณปีศาจนี่แทบจะทั้งเมืองรึเปล่า)
- กากอยศักยภาพตอนสู้เหนืือกว่าเห็นๆ ไหนจะบินได้ ไหนจะมีอาวุธ ถ้าไม่สู้โง่ๆนี่ไม่มีทางตายเลย เอาอาวุธปาดๆไป ตายเรียบ แต่ดันสู้ไม่ได้ เออ เจริญ
- หัวหน้ากากอย...นี่ป้าจะเชื่องช้าไปไหน ศูนย์บัญชาการโดนบุกมานั่งสวดมนต์....ปีศาจจะฟื้นคืนชีพยังค่อยๆเยื้องย่างเนิบๆมาถึง ยืนงงอีก - -* ชั้นเพลียกะป้ามากนะยะ นี่ถ้าไม่มีอดัม โลกแตกไปละ ป้าเอ้ยยยย
- นางเอกบ้าง...หล่อนความจำดีมาก เตรียมการไวมาก อ่านรวดเดียว คืนชีพคนได้ละ แล้วรู้ว่าคืนชีพแล้วไม่มีวิญญาณ ก็ยังจะทำเนอะ บ้ารึเปล่าเธอ ยอมให้ปีศาจฟื้นคืนชีพมาหมดแล้วทำลายล้างโลกเพื่อแลกกับการคืนชีพมนุษย์คนเดียวแบบไม่มีวิญญาณเนี่ยนะเธอ ฉลาดแต่ไร้ความคิดรึเปล่า ผู้หญิงเรื่องนี้มันอะไรนักหนา - -*

9 Feb 2014
Cinema 12
Grand EGV Seacon Srinakarin

วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : Until now กาลครั้งหนึ่งจนวันนี้


รีวิวกาลครั้งหนึ่งจนวันนี้จ้า หนนี้ใช้ voucher จาก 12Plus สปอนเซอร์หลักของหนังเรื่องนี้ แจก voucher เยอะมากกกกกกกกกกก แอบฮาพนง.Major นิดนึง บอกเค้าดูเรื่อง Until Now น้องเค้าหน้าเหวอไปเลย เค้าไม่รู้ชื่อภาษาอังกฤษ แหมๆเอาจริงดิน้องคะ น้องทำงานขายตั๋วหนังนะคะ  นี่ถ้ายังไม่ได้ดูเฮอคิวลิสนะ จะลองบอก "ดูเรื่อง โคตรคนพลังเทพ 2 ที่ค่ะ" 555+

เข้าเรื่องค่ะ...
เรื่องนี้เล่าถึง "ต้น" ผู้ชายที่ไม่เคยลืมความรักครั้งแรกที่เป็นรักข้างเดียวที่ไม่ได้สารภาพออกไปกับเพื่อนสมัยเด็กที่ชื่อว่า "แก้ว" ซึ่งวันหนึ่งในช่วงม.6ได้หายตัวไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย จนเมื่อต้นใกล้จะแต่งงานกับ "ตาล" คนรักใหม่ที่คบกันมาหลายปี ความรู้สึกที่ยังคงค้างคาฉุดรั้งต้นไว้ จนต้นต้องไปตามหาแก้ว เพื่อเคลียร์ความรู้สึกที่ค้างคา ไม่งั้นเค้าคงแต่งงานด้วยความรู้สึกผิดกับทั้งตาลและตัวเอง

ต้น” (อายุ 18 ปี) รับบทโดย พาวิช ทรัพย์รุ่งโรจน์ (นิค)
แก้ว” รับบทโดย อธิศาพัฒน์ วงศ์เงินยวง (นิกแน๊ก)
ต้น” (อายุ 23,33 ปี) รับบทโดย อารักษ์ อมรศุภสิริ (เป้)


หนังFeel good ดูได้เรื่อยๆ เอื่อยๆ ไม่พีคไม่อิน บางจุดยังปะติดปะต่อไม่ค่อยดี แต่ไม่มีมุกเสี่ยวๆเยอะแยะสไตล์เป้ อารักษ์มาให้รำคาญใจ (จริงๆแล้วเรื่องนี้เป้บทน้อยนะ เรื่องวัยเด็กซัดไป 4/5ส่วนของเรื่อง ) ดูแล้วเหมือนดูแฟนฉันผสมสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก พล็อตบางส่วนก๊อปมาเลยแอบเซ็ง คิดไม่ออกเหรอ ทำไมใช้พล็อตซ้ำ ส่วนฉากหลงทางในป่ากลางสายฝนแถมยังเจ็บตัวเปียกปอนนี่มุกคลาสสิคหนังเก่าแทบทุกเรื่องทุกประเทศใช้กัน ยังกล้าเอามาใช้เนอะ อยากให้มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆบ้างไรบ้างนะคะ แหม่ - -* โทนสีหนังเป็นแบบนวลๆเหลืองๆให้ความรู้สึกเก่าๆหน่อย บางฉากก็เหลืองส้มไปหมดเลย ฟิลเตอร์หนักไปนะ เพลงประกอบใส่เพื่อบิ๊วอารมณ์คนดูไม่ยั้ง อย่างช่วงวัยเด็กนี่ใช้เพลง Canon ถี่ิยิบแบบเต็มเพลง  ....วัยโตก็เพลงนี่คือรักแท้ใช่ไหม โดย ธนนท์ The voice ถามว่าอินมั้ย...ไม่!!


บางจุดเนื้อเรื่องหรือคำพูดไม่สมเหตุสมผล เหมือนจากฉาก 1 ไปฉาก 2 ถ่ายฉาก 2 ไว้ 2 แบบ แต่พอตัดต่อ ดันใส่มาเป็น ฉาก 1 ต่อด้วย 2แบบ1 และต่อด้วย 2แบบ2 ดูละเลยแบบ เฮ่ย!!....ไม่รู้ใครสังเกตุรึเปล่านะ (ฉากหลังเก็บมะม่วง) แล้วบ้านอยู่ใกล้กันมาก แต่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย มันก็เกินไป นางเอกย้ายบ้านตัวเองไม่รู้เรื่องงี้ มีเสียงปืนเหมือนยิงปะทะ แต่เนื้อเรื่องต่อจากนั้นเหมือนไปก่อนยังไม่ได้ยิงปะทะงี้ 

บางฉากก็เน้นซะเยอะ แล้วก็ปล่อยให้หายไปหลังจากนั้น อย่างเรื่องของปู่ หรือว่าเรื่องในป่า แต่บางเรื่องที่ควรเน้นกลับไม่เน้น เรื่องของเป้กับตาลนี่น้อยไปมาก ดูแล้วไม่อินให้เวลาน้อยเหลือเกิน จนไม่รู้สึกว่านี่คือแฟนกัน จนรู้สึกว่าตาลงี่เง่า ไม่ทำให้เชียร์ให้ตาลได้คู่กับต้นเลย จริงๆอาจจะถ่ายคู่นี้ไว้เยอะกว่านี้ แต่ตัดใจเอามาใส่หนังไม่ลงเพราะเล่นแข็งเหลือเกิน ตาลแข็งอันดับ 1 ต้น(เป้) อันดับ 2 สุดๆไปเลย

บทพ่อแก้ว ชัย” รับบทโดย ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง....ไม่รู้จะเอาไงกะเค้าแน่ เดี๋ยวเซอร์เดี๋ยวก็แลดูเนี๊ยบ(ต้องบ่นคอสตูมกับช่างแต่งหน้าใช่มั้ย) ฉากที่มาทักแก้วในครัว หล่อไปป่าว แล้วสายตาคนมาดุลูก ตอนแรกนึกว่าจะมาเคลมลูกตัวเองละ ตาหวานเกิ๊น 

อ้อ เกลียดอยู่อย่าง คือเรื่องการพูดคำหยาบของนางเอก เข้าใจนะว่าอยากแสดงออกว่าแก้วเป็นหญิงห้าว แต่ไม่ต้องยัดคำว่า "วะ" ใส่ไปมากมายก็ได้ ใส่ไปมากพอๆกับการโฆษณาสปอนเซอร์ที่หรายู่ในจอ โดยเฉพาะฉากต้นๆเรื่อง คำนี้ไม่พูดก็ไม่มีผลให้แก้วดูห้าวน้อยลงเลยนะ(จริงๆคือใส่ไปก็ไม่ได้ดูห้าวเลย เพราะเสียงแก้วงุ้งงิ้งมาก)  จะพูดก็ได้แต่ต้องธรรมชาติกว่านี้ปะ นี่บางช่วงยัดไปซะหนักเลย บางช่วงลืมคับท่าน ไม่วะซักคำแถมประโยคแบ้วซะ

อีกอย่างการแต่งหน้า(อันนี้คุณแฟนฝากบ่นมา ฮีบ่นเรื่องการแต่งหน้าทุกเรื่อง) จอมันใหญ่ ภาพมันชัด เห็นการโบกชัดเลย การแต่งหน้าตาลก็เหมือนยังคิดสไตล์เค้าไม่ออก ฉากแรกมาผิวแทนมาเชียวแลดูลูกครึ่ง อีกฉากขาวเกาหลี อีกฉากงาน Press ดันโทรม ส่วนแก้วทรงผมฉากจบนั่นมันอัลไล

สรุป ดูได้เรื่อยๆฮะ ได้ voucher มาก็ดูไปเถอะ ถ้าไม่ไ้ด้voucher ใครชอบดูหนังไทยก็พอไปเสียตังดูได้ฮะ ส่วนเราไม่นิยมคงขอบายไม่ได้อิ่มเอมอะไรแบบตอนดูสิ่งเล็กๆหรือแฟนฉัน แต่ยังไงก็ดีกว่า coffee please เยอะ 

7 Feb 2014
Cinema 8
Major Pinklao

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รีวิวหนัง : Nurse 3D นังพยาบาท


หนังเกรด B เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนมากมาย ความสมจริงไม่มี แต่สนุกและได้ลุ้นจิกเบาะตลอดเรื่อง นางจิตมาก ขำปนโหด และเป็นอีกเรื่องที่ไม่ทำเป็น 3D จะดีกว่า

หนังเล่าถึงแอ๊บบี้ (อบิเกล ชอบผู้หญิงชื่อนี้นะ ไม่รู้ทำไม) นางพยาบาลที่จิตๆเกลียดผู้ชาย แต่กลับมาหลงชอบแอนนี่นางพยาบาลรุ่นน้อง เลยกำจัดคนรอบข้างแอนนี่เพื่อแย่งชิงเธอมา

หนังออกอาร์ทๆขำๆมากกว่าโหดนะ โดยเฉพาะต้นเรื่องสีสันจัดๆหน่อย ดนตรีประกอบกรุ๊งกริ๊งดูแล้วคิดถึงKill bill (แต่แน่นอนว่าเรื่องนั้นเมพกว่าเยอะ) บทฮาครืนกันไปหลายฉาก ส่วนบทโหดๆเลือดสาด แต่ถ่ายหลบไปเยอะอยู่ วิธีการฆ่าก็ไม่ค่อยสร้างสรรค์ นึกว่าจะซาดิสต์กว่านี้ซะอีก แต่แค่นี้ก็จิกเบาะกระจุยไปละ -_-; ได้ลุ้นตลอดจริงๆว่าแอ๊บบี้จะลงมือตอนไหน

3D คล้ายๆ Final destination 3D ง่อยๆไม่กี่ฉาก เลือดกระจุย มีดทิ่มตา ไรงี้ ไม่มีซะจะดีกว่า มันขัดอารมณ์หนังอะนะ

แอ๊บบี้ไม่สวยเลยแลดูจิตๆ  แต่หุ่นดีและท่าเดินเด๊าะแด๊ะน่าหมั่นไส้มาก ไม่รู้ผู้ชายในเรื่องหลงเสน่ห์นางตรงไหน มองหน้าละหมดอารมณ์อะ ส่วนแอนนี่สวยเพลินตา^^

เรื่องนี้นมมาเต็มอีกแล้ว ช่วงนี้หนังเรทสูงชะมัด....
5 Jan 2014
Cinema 3
Major Ratchayothin

รีวิวหนัง : Nurse 3D นังพยาบาท

รีวิวหนัง : The Legend of Hercules โคตรคน พลังเทพ

รีวิวหนัง : The Legend of Hercules โคตรคน พลังเทพ
ก่อนอื่นเลย ใครตั้งชื่อไทยเนี่ย โคตรคน พลังเทพ จาก The Legend of Hercules ตรงๆตัวไปเลยไม่ดีเรอะ -_-;

วันนี้นั่งซะหน้าสุดเลย แถมยังขวาสุดอีกต่างหาก เป็น 3D อีก เมื่อยคอมากมาย
หนังมืดไปนะ ทำให้ดูยากขึ้นไปอีก จากที่ที่นั่งแย่แล้ว โทนสีหนังจะสี ดำ น้ำตาล ขาว เป็นกรีกยุคเก่าตอนมืดๆ หลายๆฉากดูยากมาก เวลาสู้บางทีก็ดูไม่ทันว่าใครเป็นใคร ภาพ 3D แบบเก๊ๆนิดนึง คือเค้าพยายามทำเป็น 3D มาก เอาหอก/ธนูพุ่ง เอาฝนโปรย ขว้างหิน มุมภาพแบบชิดๆ หยุดภาพบ้างไรบ้าง คือพยายามเกิน คล้ายๆเรื่อง Crash of the Titans (อาจจะคิดไปเองเพราะนั่งริมหน้าสุดก็เป็นได้)
เนื้อเรื่องเบสิคมาก ไปทื่อๆเลย เป็นเรื่องการกำเนิดเฮอคิวลิส ความรักที่มีอุปสรรคคือพี่ชายตัวเอง สาเหตุที่เค้าต้องลุกขึ้นสู้  ไปจนถึง....ตอนเค้าสร้างชื่อเป็นครั้งแรกในบ้านเกิดเมืองนอนตัวเอง ไม่ได้ยาวไปถึงสงครามกรุงทรอย

ชอบอะไรในเรื่องนี้บ้าง.....นางเอกสวยและใจเด็ด พระเอกหุ่นดีกล้ามและอกใหญ่เชียว..แค่นี้แหละ

ก็พอดูไปเรื่อยๆได้ แต่ต้องดั้นด้น จ่ายตังดูมั้ย...เรื่องอื่นเถอะ
4 Jan 2014
Cinema 14
Major Ratchayothin

รีวิวหนัง : ชาร์ลี คันทรีแมน รักนี้อย่าได้ขวางThe Necessary Death of Charlie Countryman

ชาร์ลี คันทรีแมน รักนี้อย่าได้ขวาง
The Necessary Death of Charlie Countryman
จัดจำหน่ายโดย   HANDMADE DISTRIBUTION


น่าจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นชาร์ลีจอมรนหาที่ตายนะ 

เรื่องกล่าวถึงชาร์ลี  (Shia LaBeouf  พระเอกtransformer ภาค 1-3) ที่เพิ่งสูญเสียแม่อันเหมือนเสาหลักหนึ่งเดียวในใจฮีไป ฮีเลยเดินทางไปบูคาเรสเพื่อหาจุดหมายชีวิตใหม่ จนได้มาตกหลุมรักแก๊บบี้ (Evan Rachel Wood) สาวนักเชลโล่ที่มีประวัติเบื้องหลังอันดำมืด ที่ทำให้ชาร์ลียอมทุกอย่างแม้ต้องตายเพื่อเธอ

หนังรักดราม่าปนแอ๊คชั่น แบบเรทเท่าไหร่ไม่รู้ นม ยา มาเต็มอีกแล้ว แทบทั้งเรื่องดำเนินในบูคาเรส(ไม่ใช่บูดาเปสนะจ๊ะ 555) แลดูเป็นเมืองอันตรายและให้บรรยากาศที่แปลกดี  หนังเหมือนจะเอื่อยๆ แต่เหตุการณ์ที่เกินขึ้นมันรวดเร็วมาก ภายในเวลาไม่กี่วัน แต่กลับทำให้พระเอกต้องผจญอะไรมากมาย เพลงประกอบเพราะดี ดูสุนทรีย์ มีมุกขำเบาๆเป็นระยะ

ไชอาถูกจ้างมาวิ่งอีกแล้ว transformer ก็วิ่ง นี่ก็วิ่งๆๆหนีตาย บทนี้เข้ากับเค้าดี นอกจากนี้เราจะยังได้เห็นดาราที่คุ้นหน้า มาในอีกคาแรคเตอร์นึง ซึ่งขำดี^^ อย่าง   Mads Mikkelsen หรือฮันนิบาลสุดเนี๊ยยบจากซีรี่ย์ฮันนิบาลมาในมาดกุ๊ย Rupert Grint พ่อมดน้อยรอน วีสลี่ในมาดขี้ยา

เป็นความรักที่ยอมตายเพื่อรักกันจริงๆ แอบสปอยว่าไม่ได้มีคนยอมตายเพื่อรักเพียงแค่คนเดียว เป็นเรื่องที่เน้นคำว่า we กับ us บ่อยมากเลย
มีฉากที่เห็นแล้วอมยิ้มเลย โดยเฉพาะฉาก....อุ๊ยบอกไม่ได้ เดี๋ยวสปอย ;)

3 Feb 2014
Cinema 12
Esplanade Ratchadapisek